10 กันยายน 2563 : ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทย ประเมินรายได้จากการท่องเที่ยวของไทยในปีนี้จะหดตัวถึง 70% เหลือเพียง 9.1 แสนล้านบาท จาก 3.02 ล้านล้านบาท ในช่วงก่อนโควิด-19 ส่วนปีหน้าคาดว่ารายได้จากการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวเล็กน้อย มาอยู่ที่ 1.24 ล้านล้านบาท ชี้แม้วัคซีนจะค้นพบในต้นปี 2564 แต่จะผลิตและกระจายทั่วถึง คงเป็นช่วงปลายปี ทำให้ไทยอาจรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบจำกัดคนและเฉพาะกลุ่ม เผยใน New Normal รายได้ท่องเที่ยวกว่า 64% จะมาจากนักท่องเที่ยวไทย ที่เลือกเที่ยวไทย เที่ยวใกล้ และเที่ยวปลอดภัย
ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยเกี่ยวกับรายได้จากการท่องเที่ยวของไทยในปีนี้ว่า มีแนวโน้มหดตัวถึง 2.1 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 70% เหลือเพียง 9.1 แสนล้านบาท เป็นผลจากการแพร่ระบาดของโควิด -19 ที่ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติหดตัวจาก 39 ล้านคน เหลือเพียง 6.8 ล้านคน ส่วนในปี 2564 ประเมินว่าการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงเป็นไปอย่างจำกัด ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอาจอยู่ที่ 7.6 ล้านคน และรายได้จากการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวเล็กน้อย มาอยู่ที่ 1.24 ล้านล้านบาท ยังต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดถึง 59%
“โควิด-19 ทำให้มีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 27 ล้านคนทั่วโลก ส่งผลให้การท่องเที่ยวระหว่างประเทศหยุดชะงัก และแม้ว่าจะมีวัคซีนก็ไม่สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้ในทันที เนื่องจากผู้ได้รับวัคซีนยังอาจติดโรคและเป็นพาหะได้ดังนั้น ธุรกิจท่องเที่ยวจำเป็นต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก และต้องตีโจทย์ใหม่ในยุค New Normal ให้ได้ โดยรายได้จากนักท่องเที่ยวไทยในช่วงก่อนโควิด ที่เคยมีเพียง 36% จะมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 70% ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับอานิสงค์จากคนไทยที่เคยเที่ยวนอกกว่า 12 ล้านทริป ที่อาจกลับมาเที่ยวไทยได้ถึงประมาณ 14 ล้านทริปในปีหน้า เนื่องจากการเที่ยวในประเทศ สามารถเที่ยวได้บ่อยกว่าและใช้วันน้อยกว่า”
ดร. กิตติพงษ์ เรือนทิพย์ นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS กล่าวว่า ใน New Normal พฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนไทยเปลี่ยนไป โดยมีแนวโน้มเลือกเที่ยวในประเทศก่อน เพราะความเสี่ยงในการติดเชื้อในต่างประเทศยังสูงกว่าเที่ยวในประเทศ โดยเที่ยวใกล้ๆ สั้นๆ ขับรถไป ซึ่งอัตราการเข้าพัก (OR) ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าจังหวัดที่มีค่า OR กลับมาสูงกว่า 50% ส่วนใหญ่เป็นจังหวัดไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เช่น เพชรบุรี และกาญจนบุรี
นอกจากนี้ คนไทยมีแนวโน้มเลือกเที่ยวสถานที่ Unseen เช่น แหล่งท่องเที่ยวมหัศจรรย์และธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวผจญภัย แหล่งท่องเที่ยวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แหล่งท่องเที่ยวประเพณีวัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยววิถีชีวิต ซึ่งคนไม่พลุกพล่าน ทำให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมกันพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวหน้าใหม่
“อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ประกอบการบางรายสามารถปรับตัวรับ New Normal ของนักท่องเที่ยวในประเทศได้ แต่ในภาพใหญ่ หากยังไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ รายได้ท่องเที่ยวไทยยากที่จะกลับมาสู่จุดเดิม ในปีหน้าไทยอาจมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพียง 9 แสนคน หรือมากถึง 14.9 ล้านคน ขึ้นอยู่กับแนวทางการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งในขณะนี้ก็มีหลายแนวทางที่น่าสนใจ ได้แก่ การเลือกเปิด Travel Bubble กับกลุ่มประเทศแถบเอเชียที่มีอัตราผู้ติดเชื้อใหม่ต่ำ อย่าง จีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ เวียดนาม ไต้หวัน หรือการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวประเภทเกาะที่มีสนามบิน เช่น ภูเก็ต สมุย ที่ในภาวะปกติมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวถึง 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวที่มาไทยทั้งหมด หรือการเปิดรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม Medical ที่มารักษาตัวหรือทำศัลยกรรม ตลอดจนกลุ่มที่มาตีกอล์ฟ หรือกลุ่มที่มาเที่ยวระยะยาว ซึ่งมีการใช้จ่ายต่อทริปสูงกว่าค่าเฉลี่ยอย่างน้อย 2 เท่า”