27 สิงหาคม 2563 : เป็นที่ทราบกันในกลุ่มผู้ใช้รถอยู่แล้วว่า หากมีรถหรือต้องใช้รถ “รถนั้นต้องมีประกันภัย พ.ร.บ.” เพราะว่ากฎหมายบังคับให้เจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถทุกคันต้องทำประกันภัย พ.ร.บ. เพื่อเป็นหลักประกันหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น ผู้ประสบภัยจากรถทุกคนจะต้องได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายอย่างทันที
ประกันภัย พ.ร.บ. เพิ่มความคุ้มครองอุบัติเหตุจากรถ ตั้งแต่ 1 เมษายน 2563 ผู้ประสบภัยจากรถจะได้รับการคุ้มครองสูงสุดกรณีเสียชีวิต 500,000 บาท กรณีบาดเจ็บเป็นค่ารักษาพยาบาลสูงสุดไม่เกิน 80,000 บาท (ยกเว้นผู้ขับขี่ที่เป็นฝ่ายที่ต้องรับผิด จะได้รับความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต 35,000 บาท กรณีบาดเจ็บ ค่ารักษาพยาบาลสูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท)
กรณีมีผู้เสียชีวิต “พ.ร.บ.” จะชดใช้ให้กับทายาทโดยธรรม โดยบริษัทประกันภัยจะทำการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับ “ทายาทโดยธรรม” ดังนี้
ผู้เสียชีวิตเป็น“สามีหรือภรรยา” (จดทะเบียนสมรส)
– จะจ่ายให้กับ “บุตร”, “คู่สมรส” และหรือ “บิดามารดา” ที่ยังมีชีวิตอยู่
ผู้เสียชีวิตเป็น“สามีหรือภรรยา” (ไม่จดทะเบียนสมรส)
– ถ้าเป็นฝ่ายชาย เสียชีวิต จะจ่ายให้กับ“บิดามารดา”ที่มีชีวิตอยู่ และ “บุตร” ที่ชอบด้วยกฎหมายตามคำสั่งของศาล
– ถ้าเป็นฝ่ายหญิง เสียชีวิต จะจ่ายให้กับ “บุตร” และ “บิดามารดา” ที่ยังมีชีวิตอยู่
ผู้เสียชีวิตเป็น“บุตร” (บิดามารดาจดทะเบียนสมรส)
– จะจ่ายให้กับ “บิดาและมารดา”ของบุตรที่เสียชีวิต
ผู้เสียชีวิตเป็น“บุตร” (บิดามารดาไม่ได้จดทะเบียนสมรส)
– จะจ่ายให้กับ“มารดาของบุตร”เท่านั้น (แต่หากบิดาเป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายตามคำสั่งของศาลจึงมีสิทธิจะได้รับค่าสินไหมทดแทนด้วย)
***การจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับทายาทโดยธรรม บริษัทประกันภัยจะจ่ายให้กับผู้มีสิทธิตามลำดับและหากมีทายาทผู้ที่มีสิทธิในลำดับเดียวกันหลายราย ทายาทโดยธรรมในลำดับเดียวกันนั้นมีสิทธิที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนในจำนวนตามสิทธิที่กฎหมายกำหนด***
ดังนั้นเมื่อจะต้องมีการนำรถมาใช้ ผู้ขับขี่จะต้องมีการตรวจดูกรมธรรม์ประกันภัย พ.ร.บ.ของรถที่จะนำมาใช้ว่ายังมีความความคุ้มครองหรือไม่ เพื่อให้ตัวของผู้ขับขี่ ผู้โดยสารหรือคนเดินถนนมีหลักประกันตามกฎหมาย เพื่อให้ทุกคนที่ประสบอุบัติเหตุทางถนนได้รับการคุ้มครอง
“เกิดอุบัติเหตุจากรถ ผู้ประสบภัยต้องแจ้งเหตุทันที ได้ที่บริษัทกลางฯ โทร 1791 ตลอด 24 ชั่วโมง”