25 สิงหาคม 2563 : นายฮิโระโนะริ คิริว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แผนการควบรวมและดำเนินธุรกิจของคุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัยฯ ขณะนี้มีความคืบหน้าไปอย่างมาก ซึ่งจากรอยต่อของการผสานการควบรวมกิจการนั้น ได้เห็นถึงการผสานความร่วมมือเป็นทีมเดียวกัน การปรับเปลี่ยนกฎหมาย การผสานวัฒนธรรมของทั้งสององค์กร ที่ต่างนำจุดแข็งมาเสริมศักยภาพทางธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งการควบรวมกิจการกันนั้นหมายถึง 1+1 มากกว่า 2 ทำอย่างไรให้ทั้งสององค์กรมีการทำงานที่เป็นทีมเวิร์คและต้นปี 2564 จะเริ่มทำงานภายใต้องค์กรเดียวมากขึ้น
โดยบริษัทฯ มุ่งหวังเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมขับเคลื่อนธุรกิจประกันวินาศภัยไทยสู่ความยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘Foster a Sustainable Future’ ทั้งนี้ ต้นเดือน พ.ย.63 กำหนดที่จะย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่ อาคาร อาคารเอสแอนด์เอ ชั้น 2-6 ถนนสีลม แขวงสุริยวงค์ เขตบางรัก กทม. เพื่อให้การบริหารงานมีความเป็นเอกภาพ
นอกจากนั้น ยังวางแผนรวมกิจการสาขาใน 23 จังหวัด ที่มี 2 สาขาเข้าไว้ด้วยกัน ขณะนี้มีพนักงานทั่วประเทศกว่า 2,000 คน ถึงตอนนี้เราดำเนินการรวมสาขาเสร็จเรียบร้อยไปแล้วทั้งสิ้น 10 สาขา ผมเชื่อมั่นว่าแผนการรวมสำนักงานไว้ด้วยกัน จะทำให้เราสามารถดูแลและให้บริการลูกค้าและคู่ค้าได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนั้นเรายังเดินหน้าพัฒนาระบบออนไลน์ที่เรียกว่า “Safe Smart” เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ตัวแทนและนายหน้าให้สามารถบริหารจัดการกรมธรรม์ประกันภัยของลูกค้าที่แจ้งไว้กับบริษัทฯ การจัดทัพองค์กรครั้งนี้จะเป็นการเสริมศักยภาพทางธุรกิจ มุ่งยกระดับประสบการณ์ให้กับลูกค้า อีกทั้งยังสร้างประโยชน์ให้กับสังคมไทยผ่านเครือข่ายที่แข็งแกร่งทั่วประเทศ”
สำหรับ คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัยฯ มีการดำเนินกลยุทธ์ผ่านช่องทางการขายหลัก ประกอบไปด้วย 1.ช่องทางสาขาที่มีเครือข่ายทั่วประเทศ 2.ฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งจากเครือข่ายบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นในไทยและกลุ่มประเทศแม่น้ำโขง 3.ช่องทางการขายผ่านตัวแทนและโบรกเกอร์ 4.การเป็นพันธมิตรร่วมกับ ดีลเลอร์ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ 5.ช่องทางอื่นๆ อาทิ B2B2C
นอกจากนี้ สถานการณ์โควิด-19 แม้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯ โดยเฉพาะอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวมในช่วงครึ่งปีแรก อันเป็นผลมาจากยอดการจำหน่ายรถยนต์ป้ายแดงลดลง และ ปริมาณการส่งออกที่ลดลง ในส่วนของบริษัทเองก็มีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันรถยนต์ลดลง 13% ประกันภัยมารีนลดลง 6% ซึ่งจากเดิมปีนี้ที่ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันรับรวมไว้ 18,000 ล้านบาท จากสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบรอบด้านทำให้ปรับลดเบี้ยลงคาดว่าจะมีเบี้ยรับรวมราว 17,000 ล้านบาท
ทางด้าน นายเสรี กวินรัชตโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาเป็นขั้นตอนการควบรวมกิจการระยะที่ 1 ลำดับต่อไปจะดำเนินการระยะที่ 2 เป็นการรวมระบบคอมพิวเตอร์ ทางด้านข้อมูลกรมธรรม์ ข้อมูลทางด้านสินไหมทดแทนของลูกค้า ระบบบัญชี ฯลฯ คาดว่าต้นปี 2564 จะมีความคืบหน้ามากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นไปขยายผลิตภัณฑ์ทางเลือกเพิ่มขึ้น เช่น การประกันภัยสินเชื่อ ซึ่งเบี้ยประกันสามารถผ่อนชำระได้ เป็นต้น อีกทั้งเพิ่มศักยภาพให้คู่ค้าได้รับบริการแบบเรียลไทม์ Online เช่น การตรวจสอบข้อมูลการเคลมที่ขณะนี้เริ่มดำเนินการกับคู่ค้าบางแห่งแล้ว ต่อไปก็จะขยายให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ตลอดจนขยายช่องทางติดต่อกับลูกค้าผ่านช่องทาง LINE เพื่อบริการที่รวดเร็วเข้าถึงง่าย รวมไปถึงพัฒนาระบบการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล โดยยกมาตรฐานเรื่อง การคุกคามทางไซเบอร์ เพื่อเพิ่มขีดความปลอดภัยให้กับลูกค้าเป็นสำคัญ