4 สิงหาคม 2563 : ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (27 – 31 ก.ค.) ตลาดหุ้นโลกปิดผสมผสาน โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ และจีนปรับเพิ่มขึ้น สวนทางกับตลาดหุ้นหลักอื่นๆที่ปรับลดลง ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น จากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯในไตรมาสที่สอง ที่ออกมาดีกว่าตลาดคาดการณ์ นำโดยกลุ่ม Technology และ Health care
นอกจากนี้ ดัชนีฯยังได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีน และยาต้านไวรัส และที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติคงนโยบายการเงิน พร้อมยืนยันว่า จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำจนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะฟื้นตัวขึ้นจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ โดยนักลงทุนยังกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจของยุโรป หลัง GDP ของยูโรโซน และเยอรมนี ในไตรมาสที่สอง หดตัวลง 12.1% และ 10.1% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ตามลำดับ
สำหรับตลาดหุ้นจีน (A-Share) ปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากความคาดหวังที่ว่า ทางการจีนจะออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ยีงส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อ เช่น กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมที่ปรับเพิ่มขึ้น 11.5%YoY และดัชนี PMI ภาคการผลิต (Caixin) ที่เพิ่มขึ้นอยู่ระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี นอกจากนี้ นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นจีน A-share จากการที่หุ้นกระดาน STARs ซึ่งมุ่งเน้นกลุ่มเทคโนโลยี ปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากจากการจดทะเบียนใหม่ ด้านตลาดหุ้นไทย ปรับลดลง จากแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน ตามผลประกอบการที่ออกมาชะลอลง และราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลง
สำหรับราคาน้ำมัน ปรับลดลง หลังนักลงทุนยังกังวลว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งในสหรัฐฯ และทั่วโลกอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน ขณะที่ GDP ในไตรมาสที่สองของสหรัฐฯ ประมาณการครั้งที่ 1 หดตัวลง 32.9% QoQ, ต่อปี ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงมากที่สุดในรอบกว่า 70 ปี
ในสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นโลกมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ยังเคลื่อนไหวผันผวน ได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารกลางต่างๆ ยังส่งสัญญาณดำเนินนโยบายการเงินการคลังเชิงผ่อนคลาย และพร้อมออกมาตรการอื่นๆ เพิ่มเติม หากจำเป็น โดยในสัปดาห์นี้ จะมีการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกอบกับ การพัฒนาวัคซีน และยาต้านไวรัสมีแนวโน้มคืบหน้ามากขึ้น ขณะที่ ตลาดหุ้นสหรัฐฯมีแนวโน้มได้รับปัจจัยหนุนจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯที่น่าจะออกมาดีกว่าคาด และความหวังต่อการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ความกังวลการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่สอง ในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้หลายรัฐฯ กลับมาดำเนินมาตรการ lockdown และหากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐฯล่าช้า หรือน้อยกว่าที่คาดไว้มาก อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และ Sentiment ของนักลงทุน นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ยังมีอยู่ หลังมีรายงานว่า นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯเปิดเผยว่า สหรัฐจะออกมาตรการแบนบริษัทซอฟต์แวร์ของจีนอีกหลายแห่งที่ถูกมองว่ามีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติในเร็วๆนี้
นอกเหนือจาก TikTok ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันวีดีโอของจีน ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI มีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนต่อ จากความกังวลการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่สองในสหรัฐฯ จะกดดันอุปสงค์น้ำมันให้ปรับลดลง สำหรับตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวน โดยนักลงทุนยังติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยในไตรมาสที่ 2 รวมทั้ง ผลการประชุมกนง.ซึ่งเราคาดว่า ที่ประชุมฯ จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิม ด้านราคาทองคำมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นได้ต่อ จากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักที่มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำต่อไป