7 กรกฎาคม 2563 : เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับกระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB จัดแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “เที่ยวปันสุข” ภายใต้แพ็กเกจ “เราเที่ยวด้วยกัน” งานนี้ภาครัฐดูเอาจริงเอาจังกัยโครงการนี้ค่อนข้างมาก เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยที่หดตัว กระทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถึงกับกุมขมับตัดสินใจหั่นจีดีพีไทยปีนี้จากมุมมองเดิมที่ติดลบอ5% เป็นติดลบ 8.1%
ในเมื่อเศรษฐกิจไทยติดลบหนักหน่วงจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 รัฐก็ไม่อาจนิ่งเฉย จนยอมควักเนื้อจ้างประชาชนออกไปเที่ยว ภายใต้โครงการ“เที่ยวปันสุข” โดยรัฐจะช่วยแบ่งเบาเงินในกระเป๋าสำหรับประชาชนที่จะออกไปท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ งานนี้ จึงต้องพึ่งหลายฝ่ายช่วยกันสนับสนุนโครงการ และด้วยวิธีเทคโนโลยีสมัยใหม่ประกอบกับวิธีชีวิตรูปแบบใหม่ (New Normal) เครื่องมือในการสนับสนุนโครงการฯให้มีความสะดวกทั้งของภาครัฐและประชาชนให้เชื่อมถึงกันได้ง่าย จึงได้แม่งานใหญ่ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มระดับชาติอย่างธนาคารกรุงไทย เข้าร่วม เพื่อให้การจองแพ็คเกจและการรับเงินเข้าจากภาครัฐเป็นไปด้วยความสะดวกมากขึ้น
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภาคการท่องเที่ยว “เที่ยวปันสุข” ประกอบด้วย แพ็กเกจเราเที่ยวด้วยกัน กรอบวงเงิน 20,000 ล้านบาท และแพ็กเกจกำลังใจ กรอบวงเงิน 2,400 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 22,400 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – ตุลาคม 2563 ดำเนินการโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับกระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และธนาคารกรุงไทย (KTB)
แล้วโครงการ”เที่ยวปันสุข” น่าสนใจตรงไหน ลองมาดูกัน
สำหรับแพ็กเกจเราเที่ยวด้วยกัน ภายใต้โครงการ “เที่ยวปันสุข” นั้น เป็นการฟื้นฟูภาคธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยการสนับสนุนค่าที่พักและค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน รัฐบาลจะสนับสนุนค่าที่พักในลักษณะร่วมจ่าย (Co-pay) ในอัตรา 40% ของค่าที่พัก แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน ในการเข้าพักในโรงแรมที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ว่าด้วยโรงแรมและโฮมสเตย์ที่ได้ขึ้นทะเบียนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวจะได้รับ E-Voucher คืนละ 600 บาท ใช้จ่ายเป็นค่าอาหารและค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวในลักษณะร่วมจ่ายเช่นกัน ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนการใช้จ่ายในอัตรา 40%
ในส่วนของสายการบิน รัฐบาลจะสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบินบางส่วนในลักษณะการจ่ายคืน (Redeem) สำหรับผู้จองที่พักที่เดินทางโดยสายการบิน โดยผู้จองที่พักจะต้องดำเนินการจองและชำระค่าบัตรโดยสารเครื่องบินเต็มจำนวน ผ่านทางเว็บไซต์ของสายการบิน และรัฐบาลจะจ่ายเงินคืนในอัตรา 40% ของค่าบัตรโดยสาร แต่ไม่เกิน 1,000 บาทต่อที่นั่งเข้าสู่แอปพลิเคชั่นเป๋าตังของผู้จองที่พัก ภายหลังการเช็คเอาท์ สามารถนำไปใช้จ่ายหรือถอนเงินสดได้โดยไม่มีการกำหนดระยะเวลา
ส่วนแพ็กเกจกำลังใจนั้น เป็นการขอบคุณอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.), อาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซึ่งเป็นผู้ที่เสียสละในการทำงานอย่างหนักและเป็นผู้ที่มีส่วนช่วยให้ประเทศไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ โดยสนับสนุนค่าใช้จ่ายเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไม่เกินคนละ 2,000 บาท สำหรับการเดินทาง 2 วัน 1 คืน โดยทั้งสองแพ็กเกจสามารถใช้สิทธิ์ผ่านเว็บไซต์ www.เที่ยวปันสุข.ไทย และ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com
ด้าน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ผู้ประกอบการโรงแรม ที่พัก สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่บัดนี้ สำหรับประชาชนทั่วไปจะเปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 15 ก.ค.63 ส่วนแพ็กเกจกำลังใจ จะเปิดให้ผู้ประกอบการนำเที่ยวลงทะเบียนผ่าน www.เที่ยวปันสุข.ไทย ในวันที่ 10 ก.ค.63 สำหรับ อสม.,อสส., และ รพ.สต. สามารถเข้าไปลงทะเบียนในวันที่ 25 ก.ค.63 และเดินทางท่องเที่ยวได้ในวันที่ 30 ก.ค.63 ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการบริโภคให้เติบโต และทำให้เกิดการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ได้แก่ ธุรกิจนำเที่ยว ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องต่อไป
หากมีผู้สนใจเข้ามาลงทะเบียนขอรับสิทธิ์เต็มทั้งที่พักจำนวน 5 ล้านคืน ค่าใช้จ่ายร้านอาหารและแหล่งท่องเที่ยว 5 ล้านสิทธิ์ และค่าตั๋วเครื่องบิน 2 ล้านใบก็อาจจะพิจารณาขยายโครงการ ทั้งนี้คาดว่าทั้งโครงการ”เราเที่ยวด้วยกัน” และ “กำลังใจ” จะสร้างรายได้ทางตรง 5 หมื่นล้านบาท และทางอ้อม 2.6 หมื่นล้านบาท ส่วนเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจซึ่งสภาพัฒน์ระบุว่าเนื่องจาก supply chain ของการท่องเที่ยวค่อนข้างยาวก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 7 แสนล้านบาท
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าผู้ประกอบการที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการนี้คือผู้ประกอบการโรงแรมระดับ hi-end นั้นไม่เป็นความจริง เพราะการตั้งราคาค่อนข้างสูงไม่ได้หมายความว่าจะไปช่วยระดับ hi-end ต้องเพราะบรรดาโฮมสเตย์ก็ดึงเข้ามาร่วมโครงการ ขณะเดียวกันก็กังวลว่ากำลังซื้อในประเทศอาจจะไม่ได้สูงมากนัก ฉะนั้นพยายามช่วยให้รายเล็กๆ น่าจะได้ประโยชน์ สุดท้ายแล้วอาจจะมีค่าห้องแค่คืนละประมาณ 1,000-2,000 บาท ช่วยไป 60% ที่ตั้งไว้จะอุดหนุน 3,000 บาท ก็เหลือกลับมากระจายช่วยรายเล็กๆ ได้อีก
ขณะที่ฝั่งผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย (KTB) กล่าวว่า ธนาคารพร้อมสนับสนุนมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศของรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือเพิ่มสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งเป็นภาคธุรกิจที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้เกิดรายได้หมุนเวียนลงไปในระดับฐานราก
ที่ผ่านมา ธนาคารร่วมดำเนินโครงการและกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศมาโดยตลอดเช่นกัน โดยในครั้งนี้ “เราเที่ยวด้วยกัน” และ “กำลังใจ” ธนาคารได้พัฒนาแพลตฟอร์มการลงทะเบียนและการชำระเงินแบบดิจิทัลผ่าน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างประชาชนกับผู้ประกอบการเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ยุ่งยากซับซ้อน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน
ด้านนายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้กำหนดคุณสมบัติของประชาชนที่จะลงทะเบียนรับสิทธิ โดยต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน มีบัตรประชาชน และโทรศัพท์มือถือ สามารถลงทะเบียนรับสิทธิท่องเที่ยว ที่พัก และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ
ขอย้ำว่าต้องใช้สิทธิในจังหวัดที่ไม่ใช่ทะเบียนบ้านของตนเอง ซึ่งการลงทะเบียนขอแนะนำให้ประชาชนดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น เป๋าตัง มาเตรียมไว้ ทั้งนี้ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ เชื่อมั่นว่าจะช่วยเร่งการฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศให้กลับมาเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป การลงทะเบียนรับสิทธิ์ครั้งนี้ไม่ได้จำกัดจำนวน ประชาชนทุกคนสามารถเข้ามาลงทะเบียนได้เรื่อยๆ และไม่สามารถล็อกสิทธิ์ใครได้ เพราะสิทธิ์จะเกิดขึ้นเมื่อมีการจองโรงแรมที่พักเกินขึ้นจริง มีการจ่ายเงินค่าที่พักจริง 60%
“ทุกคนมีสิทธิ์ได้รับสิทธิ์ แต่ต้องไปแย่งห้องพักกัน ใครจองก่อนได้ก่อน เพราะฉะนั้นถ้าได้รับโค้ดมา ก็ต้องรีบจองห้องพักเพื่อไปเที่ยวเลย ส่วนจะไปเที่ยวเมื่อไร ก็ไม่เป็นไร” นายลวรณ กล่าว