30 สิงหาคม 2559 : ธ.ก.ส.พร้อมดำเนินงานตามโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/60 ยืนยันเสร็จสิ้นภายในฤดูการผลิตปีนี้หรือภายในเดือนตุลาคมนี้แน่นอน
นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และ ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/60 โดยจากการหารือร่วมระหว่าง 6 หน่วยงานดังกล่าวสามารถได้ข้อสรุปเกี่ยวกับแผนดำเนินการในรายละเอียดเกี่ยวกับแนวปฏิบัติในการดำเนินมาตรการและการกำกับดูแลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะสามารถดำเนินการจ่ายเงินสนับสนุนต้นทุนการผลิตได้ตามกรอบวิธีปฏิบัติภายใน 47 วัน หรือภายในเดือนตุลาคมนี้แน่นอน
โครงการดังกล่าว เป็นการสนับสนุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ให้ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดี และกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยรัฐบาลสนับสนุนเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท รายละไม่เกิน 10ไร่ ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2559 – 31 ต.ค. 2559 และภาคใต้ไม่เกิน 31 ธ.ค. 2559
สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปี 2559/60 ที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเป็นผู้ปลูกข้าวตามทะเบียนเกษตรกรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่ปี 2557/58 ที่ผ่านมา และเป็นเกษตรกรตามมาตรการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้มีรายได้น้อย ปี 2557 เป็นเจ้าของนาและทำนาเอง ต้องมีเอกสารสิทธิ์ กรณีเช่านาต้องมีสัญญาเช่าหรือหนังสือรับรองการเช่า
ทั้งนี้ เกษตรกรจะต้องเลือกใช้สิทธิ์เข้าร่วมในโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/60 หรือโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนา ไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงกระบือ โคเนื้อ แพะ การทำนาหญ้า และโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าว ไม่เหมาะสมเป็นเกษตรกรรมทางเลือกอื่น โครงการใดโครงการหนึ่งเท่านั้น
สำหรับขั้นตอนการขอใช้สิทธิ์และการรับรองสิทธิ์ มีขั้นตอนดังนี้ 1.เกษตรกรจัดทำหนังสือแสดงความประสงค์และรับรองตนเองตามแบบที่กำหนดต่อคณะกรรมการฯ ระดับหมู่บ้าน 2. ให้มีการประชุมประชาคมหมู่บ้านเพื่อยืนยันหรือรับรองการเป็นเกษตรกรและจำนวนแปลงที่ดินโดย คณะกรรมการฯ ระดับหมู่บ้าน 3.คณะกรรมการฯ ระดับอำเภอ ตรวจสอบข้อมูล ผลการประชุมประชาคมหมู่บ้าน และจัดส่งข้อมูลให้ ธ.ก.ส. สาขาในพื้นที่ และ 4. ธ.ก.ส. นำรายชื่อบันทึกในระบบและโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากเกษตรกร โดยเกษตรกรต้องดำเนินการเพาะปลูกข้าวตามที่รับรองไว้ หากไม่ดำเนินการต้องคืนเงินที่ได้รับไว้ในโครงการฯ ทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไข ทั้งนี้ กรณีเกษตรกรไม่คืนเงินที่ได้รับไว้จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย