7 พฤษภาคม 2563 : นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป เอไอเอส กล่าวว่า ด้วยพฤติกรรมของคนไทยในปัจจุบันที่เว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเปลี่ยนมาอยู่บนโลกออนไลน์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน การซื้อสินค้าบริการ การทำธุรกรรมทางการเงิน รวมไปถึงกิจกรรมเพื่อความบันเทิงบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ก็ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าถึงคอนเทนต์ความบันเทิงบนวิดีโอแพลตฟอร์ม YouTube ก็เพิ่มสูงขึ้นไปด้วย โดยพบว่า ในเดือนมีนาคมลูกค้าเอไอเอสมีอัตราการเข้าชม YouTube ในช่วงกักตัวเพิ่มขึ้น 50% จากเดือนกุมภาพันธ์ เพราะ YouTube ถือเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอขนาดใหญ่ ที่มีคอนเทนต์ทั้งสาระความรู้ และความบันเทิงมากมายมหาศาลจากทั่วทุกมุมโลกซึ่งตอบโจทย์กับความต้องการของคนไทยในทุกมิติ
เอไอเอส ในฐานะ Digital Life Service Provider ที่นอกจากจะมุ่งมั่นพัฒนา Digital infrastructure เพื่อประเทศแล้ว ยังถือเป็นหน้าที่สำคัญในการที่จะต้องเสาะแสวงหาสินค้า บริการ และแพ็กเกจที่ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าอย่างตรงใจ โดยที่ผ่านมาเราได้มีการนำเสนอแพ็กเกจเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม YouTube มาอย่างต่อเนื่อง เช่น ออกแพ็กเกจและซิมใหม่ ที่มอบสิทธิ์ในการรับชม YouTube ได้ฟรีไม่เสียค่าอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
ดังนั้นในสถานการณ์โควิด-19 ที่คนไทยจำเป็นจะต้องกักตัวอยู่ที่บ้านเพื่อป้องกันการติดต่อของโรค เอไอเอส จึงได้ประกาศการเป็นเอ็กซ์คลูซีฟพาร์ทเนอร์อย่างเป็นทางการร่วมกับ YouTube มอบความสุขและความห่วงใยให้คนไทย ผู้ใช้บริการเอไอเอสรายเดือน ได้รับชม YouTube แบบไม่มีสะดุด ไม่มีโฆษณาคั่น พร้อมฟังเพลงฟรีกับ YouTube Music application ฟังจากทั่วโลกผ่าน YouTube Premium ฟรีสูงสุด 6 เดือน ถือเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ผู้ให้บริการด้านดิจิทัลไลฟ์ได้ผนึกกับแพลตฟอร์มวิดีโอชั้นนำระดับโลก ส่งมอบความบันเทิงให้คนไทยถึงหน้าจอของท่าน ให้ท่านได้ใช้งานฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติม เพื่อให้คนไทยกักตัวอยู่บ้านอย่างมีความสุขกับคอนเทนต์ยอดนิยมที่โดนใจคนไทยทั่วประเทศ”
โดยมอบสิทธิพิเศษดังกล่าว ให้กับผู้ใช้บริการเอไอเอสรายเดือนปัจจุบัน ที่จดทะเบียนในนามบุคคลธรรมดา จำนวนกว่า 7 ล้านราย รับสิทธิ์ง่ายๆ เพียงกด *656*1# โทรออก รอรับ SMS แจ้งขั้นตอนการสมัคร ทั้งนี้ สำหรับลูกค้าเอไอเอสรายเดือนที่ใช้แพ็กเกจรายเดือน 699 บาทขึ้นไป รับสิทธิพิเศษดูวีดิโอบน YouTube แบบไม่มีโฆษณาคั่น ผ่านมือถือ ด้วย YouTube Premium ฟรี นาน 6 เดือน (มูลค่าสูงสุดถึง 1,254 บาท เนื่องจาก ค่าใช้บริการ YouTube Premium ระบบแอนดรอยด์ 159 บาท, ระบบ iOS 209 บาท) และสำหรับลูกค้าเอไอเอสรายเดือนที่ใช้แพ็กเกจรายเดือนต่ำกว่า 699 บาท รับสิทธิพิเศษ YouTube Premium ฟรี นาน 3 เดือน
นอกจากนี้ ยังมอบความพิเศษที่เปิดเบอร์ใหม่, ย้ายค่ายเบอร์เดิม และเปลี่ยนจากเติมเงินมาเป็นรายเดือน ก็ได้รับสิทธิ์ใช้ YouTube Premium ฟรีสูงสุด 6 เดือน เช่นกัน โดยมีรายละเอียดดังนี้ ลูกค้าที่สมัครแพ็กเกจ NEXT G Max Speed 699 บาทขึ้นไป รับสิทธิ์ฟรี YouTube Premium นาน 6 เดือน และไม่คิดค่าเน็ตในการเข้าชม YouTube ในช่วงเวลา 4 ทุ่ม- 6 โมงเย็น และลูกค้าที่สมัครแพ็กเกจ NEXT G Max Speed 299 – 599 บาท รับสิทธิ์ฟรี YouTube Premium นาน 3 เดือน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.ais.co.th/youtubepremium
ด้าน นางสาวมุกพิม อนันตชัย หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรธุรกิจ YouTube ประเทศไทย กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งก่อให้เกิดภาวะวิกฤตทางด้านสาธารณสุขของคนทั่วโลก YouTube ในฐานะผู้ให้บริการแพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์ระดับโลก จึงอยากจะมีส่วนร่วมในการมอบความห่วงใยและช่วยเหลือให้ทุกคนสามารถก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยกันโดยเฉพาะในตลาดเมืองไทย ซึ่งถือเป็นฐานลูกค้าและแฟนที่เหนียวแน่นเป็นอย่างมาก ของ YouTube
ทาง YouTube จึงมีความตั้งใจที่จะมอบความห่วงใยและความสุขให้คนไทย โดยการร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายอันดับ 1 ของประเทศ อย่าง AIS มอบสิทธิพิเศษรับชม YouTube Premium ให้คนไทยได้รับชมฟรี เป็นเครือข่ายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดย YouTube Premium ถือเป็นอีกขั้นของความบันเทิงบนแพลตฟอร์ม YouTube ที่จะมอบสิทธิพิเศษให้ผู้ใช้สามารถรับชมวิดีโอได้แบบไม่มีโฆษณาคั่น สามารถดาวน์โหลดวิดีโอเก็บมาไว้ดูแบบออฟไลน์ได้ สามารถสลับหน้าจอไปใช้งานแอปพลิเคชันอื่นๆ ได้อย่างอิสระ หรือจะล็อกหน้าจอก็ยังสามารถฟังเพลงได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงสามารถใช้งานแอป YouTube Music เพื่อฟังเพลงได้จากทั่วโลก
ปัจจุบัน YouTube Premium มีสมาชิกแบบ Subscription รวมกว่า 20 ล้านคน โดยในไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมา มีสมาชิกเพิ่มมากถึง 60% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ดังนั้นการได้ร่วมมือกับ AIS จะเป็นการส่งต่อความห่วงใย ส่งเสริมมาตรการให้ทุกคนอยู่ที่บ้าน แต่สามารถรับชมความบันเทิงจากทั่วทุกมุมโลกได้ฟรี เติมเต็มชีวิตให้มีความสุข แบบไม่มีโฆษณาคั่น
ลดความตึงเครียดจากสถานการณ์โควิด-19”