4 พฤษภาคม 2563 : หลังจาก กองทุนหุ้นระยะยาว (Long-Term Equity Fund : LTF) ครบกำหนดอายุในการลงทุนเพื่อรับสิทธิลดหย่อนทางภาษีเมื่อสิ้นปี2562 ที่ผ่านมา ภาครัฐไม่ใจอ่อนให้ต่ออายุกองทุนดังกล่าว หลังจากได้มีการต่ออายุได้ครั้งหนึ่งแล้ว ทำให้ช่วงปีที่ผ่านมา มีการถกเถียงกันต่อยกใหญ่ เพราะหากไม่มีการทดที่ลดหย่อนภาษี แรงจูงใจในการออมเงินระยะยาวผ่านตลาดทุนก็ลดน้อยหายไปได้ ทำให้แผนพัฒนาตลาดทุนอาจไปไม่ถึงฝั่งฝัน

และข้อถกเถียงนี้… ก็ได้ยุติลงหลังภาครัฐ นำทีมโดยกระทรวงการคลัง ตัดสินใจแนวแน่ไม่ต่ออายุกองทุน LTF แต่จะมีกองทุนใหม่ขึ้นมาทดแทน ภายใต้ชื่อ กองทุนรวมเพื่อการออม (Super Savings Fund : SSF) ด้วยหลีกเกณฑ์การลงทุนและสิทธิการลดหย่อนภาษีแบบใหม่ ทำให้ข้อถกเถียงเรื่องการตั่งกองทุนลดหย่อนภาษีได้ยุติลง บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)ทุกแห่งต่างขานรับกันพร้อมเพียง แม้อาจจะไม่เด่นเท่ากองทุน LTF แต่ก็ดีกว่าไม่มีเลย และหลายบลจ.ก็เตรียมพร้อใออกกองทุนSSFออกมาเสนอขายประชาชน หลังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(กลต.)ไฟเขียวซึ่งก็ดูยืดเยื้อเหลือเกิน

จนในที่สุดเกิดเหตุการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 สร้างผลกระทบอย่างหนักในทุกภาคส่วนและฉุดหุ้นไทยร่วงระนาวอย่างต่อเนื่อง รัฐจึงเร่งผู้ที่เกี่ยวข้องกองทุนSSFให้ออกมาเร็วขึ้นเพื่อมา”พยุงหุ้น” พร้อมกับเกิดกองทุนรวมเพื่อการออมพิเศษ (Super Saving Fund Extra : SSFX ) ขึ้นมาแบบเฉพาะกิจอีกกองเพื่อจะช่วยเร่ง”พยุงหุ้น”ได้เร็วขึ้น เพราะกองทุนนี้ผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิที่มากกว่ากองทุน SSF ปกติ

สองกองทุนนี้แตกต่างกันอย่างไร?

กองทุน SSF แบบปกติ : ลงทุนได้ตั้งแต่ปี 2563-2567 ลงทุนได้ทุกสินทรัพย์ เช่น ตราสารหนี้ หุ้น REITs ได้ทั้งในและต่างประเทศ ถือครอง 10 ปี นับจากวันที่ซื้อ ลดหย่อนภาษีสูงสุด 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท

กองทุน SSFX ชนิดพิเศษ : ลงทุนได้ตั้งแต่ 1 เม.ย. – 30 มิ.ย. 63 ในช่วงเวลา 3 เดือนนี้เท่านั้น ลงทุนในหุ้นไทย ไม่น้อยกว่า 65% ถือครอง 10 ปี นับจากวันที่ซื้อ ลดหย่อนภาษีเพิ่มสูงสุด 200,000 บาท

หลังจากกองทุน SSFX ชนิดพิเศษ ออกมาได้เกือบเดือน ดูจะไม่ค่อยหวือหวาสักเท่าไหร่ มีเม็ดเงินลงทุนรวมกว่า 1,000 ล้านบาทเท่านั้นเอง ซึ่งกองทุนนี้ซื้อได้แค่สิ้นเดือนมิ.ย.2563 นี้เท่านั้น บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสริช (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า นับตั้งแต่เปิดขายกองทุนรวมเพื่อการออมพิเศษ (Super Saving Fund Extra : SSFX )จนถึงวันที่ 28 เม.ย.2563 มียอดมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (AUM) รวมทั้งสิ้น 1,232.52 ล้านบาท

แบ่งเป็น กองทุน SSFX ภายใต้การบริหารของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บัวหลวง จำกัด มูลค่า 364.4 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์จัดการกอง กสิกรไทย จำกัด มูลค่า 343.2 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด มูลค่า 283.19 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด มูลค่า 152.5 ล้านบาท และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด มูลค่า 89.23 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม กองทุน SSFX ชนิดพิเศษ ยังเหลือเวลาให้ขาช๊อปเลือกลงทุนจนถึงสิ้นเดือนมิ.ย.253นี้ ก็ยังมีเวลาให้เลือกสรรเลือกกองทุนที่ถูกใจและได้สิทธิทางภาษีแบบพิเศษด้วย ก็อย่าเสียโอกาสดีๆแบบนี้

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการช่วยการตัดสินใจในการคัดกองทุนถูกใจ โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ได้รวบรวมข้อมูลกองทุนรวมเพื่อการออม SSF Extra ไว้ว่าทั้ง 18 กองทุนจาก 14 บลจ.แต่ละกองทุนมีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์อะไรบ้าง และ มีปันผล-ไม่มีปันผลอย่างไร