02 เมษายน 2553 : นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 และมีแนวโน้มว่าจะยังไม่ยุติง่ายๆ ส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งต่อเศรษฐกิจ และระบบสาธารณสุข ยังความตื่นตัวให้กับประชาชนต่อการดูแลตนเอง โดยหลีกเลี่ยงชุมชน งดออกจากที่พักอาศัยโดยไม่จำเป็น กินร้อน แยกชุดช้อนส้อมและภาชนะส่วนตัว สวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน รวมถึงล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ และที่สำคัญ ณ ขณะนี้ คือการบริหารค่าใช้จ่ายและภาระต่างๆ ทางการเงิน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบระยะยาวต่อตนเองและครอบครัว
สำหรับการประกันชีวิตและการประกันสุขภาพ ในสถานการณ์ปัจจุบันถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการบริหารความเสี่ยงทางการเงิน ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2563 คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจให้กับประชาชน
โดยหนึ่งในมาตรการนั้นคือการส่งเสริมให้ประชาชนคนไทยมีประกันชีวิตและประกันสุขภาพเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากสวัสดิการขั้นพื้นฐาน เช่น ประกันสังคมและสิทธิหลักประกันสุขภาพ 30 บาท ด้วยการเพิ่มวงเงินหักลดหย่อนภาษี จากค่าเบี้ยประกันสุขภาพจากเดิมตามจ่ายจริงไม่เกิน 15,000 บาท เป็นไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับการหักลดหย่อนค่าเบี้ยประกันชีวิต และเงินฝากประเภทสงเคราะห์ชีวิตแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งมาตรการดังกล่าวนับว่าเป็นผลดีกับประชาชนเพราะเป็นการส่งเสริมและเปิดโอกาสให้ประชาชนวางแผนดูแลสุขภาพกันมากขึ้น
รวมถึงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของภาครัฐต่อสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล สำหรับผู้ที่ซื้อประกันสุขภาพตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2563 สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีในปี 2564
ทั้งนี้ ประกันสุขภาพเป็นสิ่งที่ควรทำตั้งแต่ตอนที่ร่างกายยังแข็งแรงสมบูรณ์ เพราะประกันสุขภาพจะไม่คุ้มครองกรณีที่ป่วยเป็นโรคใดโรคหนึ่งมาก่อนหรือเป็นโรคที่ยังรักษาไม่หายขาด แต่สำหรับกรณีของคนที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้วอยากจะทำประกันสุขภาพ อาจทำได้แต่บริษัทประกันอาจแจ้งข้อเสนอใหม่ให้กับผู้ขอทำประกัน เช่น บริษัทอนุมัติแต่เบี้ยประกันสูงกว่าคนที่ไม่มีโรคประจำตัว หรือบริษัทอนุมัติแต่ขอยกเว้นเฉพาะโรคที่ผู้ขอทำประกันเป็นอยู่
ดังนั้น ผู้เอาประกันจะต้องเปิดเผยข้อมูลสุขภาพตามจริงให้กับบริษัทประกัน หากตั้งใจปกปิดหรือบริษัทประกันสืบทราบเองในภายหลังอนุมัติความคุ้มครองไปแล้ว บริษัทประกันมีสิทธิ์ไม่จ่ายเงินค่าชดเชยค่ารักษาพยาบาลได้ ไปจนถึงการยกเลิกสัญญาประกันสุขภาพฉบับนั้นด้วย
ทั้งนี้ ทุกครั้งก่อนทำประกันสุขภาพโปรดอ่านรายละเอียดและทำความเข้าใจเงื่อนไขความคุ้มครอง รวมถึงข้อยกเว้นต่าง ๆ ของแต่ละสัญญาให้ครบถ้วน พร้อมทั้งแถลงข้อมูลตามความจริง เพื่อให้การใช้สิทธิ์ทุกสิทธิ์ของท่านเป็นไปตามความต้องการด้วยความสะดวกและรวดเร็ว สำหรับท่านที่ตัดสินใจทำประกันสุขภาพไปแล้ว อย่าลืมแจ้งความประสงค์ที่จะใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินจากเบี้ยประกันสุขภาพต่อบริษัทประกันชีวิตที่ได้ซื้อประกันสุขภาพไว้ตามแบบฟอร์มที่บริษัทกำหนด นายกสมาคมฯ กล่าวเพิ่มเติม