12 มีนาคม 2563 : นายสงกรานต์ ภักดีจิตร นายกสมาคมชาวไร่ยาสูบเบอร์เลย์จังหวัดเพชรบูรณ์ ตัวแทนภาคีชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยชาวไร่ยาสูบสามสายพันธุ์จากภาคเหนือ อีสาน และเพชรบูรณ์-สุโขทัย กล่าวหลังเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎร ว่า “ความเดือดร้อนของชาวไร่ยาสูบจากการขึ้นภาษีบุหรี่ 40% ถูกพูดถึงมาโดยตลอดในสภาผู้แทนราษฎร แต่รัฐบาลก็ยังไม่มีการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืน แถมฝ่ายรณรงค์ต่อต้านยาสูบมาเสนอแนวทางแก้ไขแทนชาวไร่ที่ได้รับผลกระทบตัวจริง เช่น ให้ชาวไร่เปลี่ยนอาชีพ ซึ่งไม่ได้เป็นแนวทางที่ชาวไร่ยาสูบต้องการและไม่สามารถแก้ไขปัญหาและสร้างรายได้ให้กับเราได้จริง”
ทั้งนี้ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการฯ ได้เชิญนักวิชาการและสมาพันธ์เครือข่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านการสูบบุหรี่ มาให้ความเห็นเรื่องนี้ โดยนักวิชาการและนักรณรงค์ต่อต้านบุหรี่ออกมาเรียกร้องไม่ให้รัฐบาลพิจารณาเลื่อนภาษี 40% ในเดือนตุลาคม 2563 ที่จะถึงนี้ เพราะไม่เป็นการช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบ และเสนอให้มีการช่วยเหลือชาวไร่ด้วยการสนับสนุนการเปลี่ยนอาชีพและให้ตั้งกองทุนเพื่อปลูกพืชทดแทน
กลุ่มชาวไร่ยาสูบจำนวนกว่า 30 คน จากจังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง สุโขทัย เพชรบูรณ์ และอีกหลายจังหวัดในภาคอีสาน ที่เดินทางมาพบคณะกรรมาธิการฯ ต่างแสดงความไม่พอใจต่อข้อเสนอดังกล่าว และเห็นว่านักรณรงค์ต่อต้านเห็นแก่ตัวและมองแต่เรื่องสุขภาพอย่างเดียว ไม่เข้าใจและไม่เคยฟังเสียงสะท้อนของต้นน้ำอุตสาหกรรมยาสูบคนรากหญ้าแบบชาวไร่ยาสูบ เพราะปัจจุบันไม่มีการปลูกพืชชนิดใดที่สามารถสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างอาชีพ ได้เหมือนยาสูบ ซึ่งทำกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ
นายสุครีพ บุญชุ่ม นายกสมาคมชาวไร่ยาสูบจังหวัดสุโขทัย กล่าวเพิ่มเติมว่า “การทำไร่ยาสูบแม้จะเหนื่อยและยากลำบาก บางปีก็ต้องประสบปัญหาภัยธรรมชาติ แต่ก็ยังไม่มีพืชชนิดใดที่ให้ผลตอบแทนได้มากเท่าการปลูกยาสูบ พวกเราต้องโดนการยาสูบฯ ลดโควตาลง 50% เป็นเวลา 2 ปีติดต่อกัน เพราะภาษีบุหรี่แพงเกิน รายได้ของพวกเราก็หายไปกว่าครึ่งด้วย ขายยาสูบได้ก็แทบจะไม่พอใช้หนี้ เมื่อไม่นานมานี้ก็มีชาวไร่สุโขทัยฆ่าตัวตายเพราะหนี้สินและความยากจนไปแล้วหนึ่งคน หรือต้องให้มีคนฆ่าตัวตายอีกเป็นศพที่สองรัฐบาลจึงจะเห็นใจพวกเรา”
“ปัญหาของชาวไร่ยาสูบมาจากการขึ้นภาษีสรรพสามิตและภาษีเพื่อมหาดไทยแบบสุดโต่ง ก็ต้องแก้ด้วยการปรับลดหรือชะลอการปรับขึ้นอัตราภาษีออกไปก่อน ซึ่งการแก้ปัญหาเร่งด่วนทำได้โดยการเร่งจ่ายเงินชดเชยที่ให้ชาวไร่กว่า 50,000 ครอบครัว และเลื่อนการขึ้นภาษีอัตรา 40% อัตราเดียวออกไปก่อน ในระยะยาว หากรัฐบาลต้องการเก็บภาษีเพื่อไม่ให้คนสูบบุหรี่ รัฐก็ค่อยๆ ขึ้นทีละนิดก็ได้ ถ้าขึ้นภาษีตอนนี้อีกเท่าตัวจะเป็นการทำร้ายชาวไร่ยาสูบซ้ำสองอีกหลังจากปรับภาษีไปก่อนหน้านี้จนถูกตัดโควตาไป 2 ปีซ้อนแล้ว โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้พวกเราก็แทบจะเอาไม่รอดกันอยู่แล้ว อย่ามาซ้ำเติมชาวไร่ยาสูบกันอีกเลย” นายสุครีพ กล่าว
“อยากให้คณะกรรมาธิการฯ ฟังความเดือดร้อนของชาวไร่และคนในอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบและเดือดร้อนจากการขึ้นภาษีบุหรี่อย่างรอบด้านและรอบคอบ แทนที่จะฟังความข้างเดียวจากกลุ่มต่อต้านบุหรี่ที่ไม่เคยสนใจความเป็นอยู่ของชาวไร่เลย พวกเราได้ยื่นหนังสือให้กับ ส.ส. ที่มาจากพื้นที่ปลูกยาสูบ ซึ่งเป็นตัวแทนที่พวกเราได้เลือกเข้ามาเพื่อเรียกร้องให้ช่วยติดตามการทำงานของคณะกรรมาธิการฯ และเร่งรัดช่วยเหลือชาวไร่โดยการเลื่อนภาษีบุหรี่ 40% ออกไปก่อน” นายสงกรานต์สรุป