กรุงเทพฯ, 3 มีนาคม 2563 : นายไบรอัน สมิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดเผยว่า แม้ในปี 2562 ที่ผ่านมา เราได้ประสบกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อย่างไรก็ตาม บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต สามารถสร้างผลงานได้ดีตามเป้าหมายด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวม 3.2 หมื่นล้านบาท โดยทุกช่องทางเติบโตอย่างแข่งแกร่ง เบี้ยประกันภัยรับปีแรกรวม 5,970 ล้านบาท เติบโต 15% เมื่อเที่ยบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยช่องทางตัวแทนซึ่งเป็นช่องทางหลักของบริษัททำผลงานดีเยี่ยมในรอบทศวรรษ เติบโตถึง 20% ด้วยเบี้ยรับปีแรกถึง 2,383 ล้านบาท ช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์ 1,399 ล้านบาท เติบโต 6% และช่องทางขายตรง ยังคงครองอันดับหนึ่งในตลาดถึง 11 ปีซ้อน ด้วยเบี้ย 1,934 ล้านบาท เติบโต 18% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ผลิตภัณฑ์คุ้มครองสุขภาพยังคงเป็นสินค้าหลักของเรา โดยเมื่อปีที่ผ่านมา เราได้จัดตั้งหน่วยงานธุรกิจประกันสุขภาพ (Health Profit Center) ซึ่งทำผลงานอย่างยอดเยี่ยม สร้างเบี้ยประกันภัยรับปีแรกรวม 2,045 ล้านบาท เติบโต 18% เทียบกับปีก่อน และเติบโตสูงกว่าตลาดประกันสุขภาพที่เติบโตเพียง 10%
อลิอันซ์ อยุธยา ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการนำดิจิทัลเข้ามาสนับสนุนการดำเนินงาน โดยนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการปฏิบัติงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็ว ผ่านระบบการพิจารณารับประกันแบบ Straight Through Process (STP) สามารถออกกรมธรรม์ให้ลูกค้าได้ภายใน 5 นาที การต่อยอดพันธมิตรร่วมกับกลุ่ม BDMS ในการใช้ API เพื่อส่งต่อข้อมูลระหว่างโรงพยาบาล พบว่าสามารถย่นระยะเวลาการเคลมสำหรับลูกค้าที่ใช้บริการผู้ป่วยนอก ได้จาก 30 นาที เหลือเพียงไม่ถึง 3 นาที
นอกจากนั้น ยังมีการนำเครื่องมือดิจิทัลมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในขายและสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า เช่น การใช้ Allianz Discover สำหรับตัวแทนในการส่งงานกลับเข้ามาที่บริษัทเพื่อการอนุมัติ ซึ่งในปีที่ผ่านมา ยอดตัวแทนที่ใช้ Allianz Discover ในการส่งงานมีถึง 76% ทำให้ตัวแทนของเราสารถส่งใบสมัครของลูกค้าเข้ามาที่บริษัทได้ทุกที่ทุกเวลา นอกจากนั้น การทำธุรกิจผ่านแพลทฟอร์มนี้ ยังปราศจากการใช้กระดาษ ซึ่งถือเป็นการดำเนินงานตามแนวทางสนับสนุนความยั่งยืนอีกด้วย
ในด้านการสร้างความพึงพอใจของลูกค้า เรามี NPS Score เป็นตัวชี้วัดสำคัญ ซึ่งเป็นการวัดผลจากการสำรวจของบริษัทภายนอก โดย อลิอันซ์ อยุธยา ครองความเป็นที่ 1 ในปี 2019 ที่ด้วยคะแนนความพึงพอใจสูงถึง 18.1 คะแนน มากกว่าค่ามาตรฐานตลาด ซึ่งมีคะแนน อยู่ที่ 13.7 คะแนน
นายไบรอัน กล่าวต่อไปว่า สำหรับความท้าทายในปี 2563 ไม่ว่าจะเป็น ผลกระทบจากการเข้ามาของผู้เล่นดิจิทัล สภาวะดอกเบี้ยตกต่ำ สภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งหนึ่งในนั้น เกิดจากการระบาดของไวรัส COVID-19 ถึงกระนั้น อลิอันซ์ อยุธยา ยังคงมุ่งสร้างการเติบโตของธุรกิจ โดยคาดว่าปีนี้จะมีเบี้ยประกันรับรวมที่ 33,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการเติบโตจากช่องทางตัวแทน 2,900 ล้านบาท ขยายตัว 20% ส่วนช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์อาจจะโตที่ 1,400 ล้านบาท ช่องทางขายตรง 1,700 ล้านบาท ยังคงเป็นเจ้าตลาด โดยรวมน่าจะมีเบี้ยประกันทุกช่องทางที่ 6,100 ล้านบาท
กรณีแยกเป็นเบี้ยประกันรับรวมช่องทางตัวแทนคาดว่าจะมีเบี้ยประกันที่ 16,000 ล้านบาท แบงก์แอสชัวรันส์ 9,500 ล้านบาท ช่องทางขายตรง 5,000 ล้านบาท ประกันกลุ่ม 2,000 ล้านบาท
สำหรับกลยุทธ์หลักที่จะผลักดันให้มีการเติบโตตามเป้าหมาย ได้แก่
1. มุ่งสู่องค์กรดิจิทัล บริษัทฯยังคงเดินหน้านำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินงาน โดยมีเป้าหมายให้ตัวแทนหันมาใช้งาน Allianz Discover ให้ถึง 100% เทียบจากปีที่ผ่านมามีเพียง 76% นอกจากนั้นยังคงทำงานกับ BDMS ใกล้ชิดในเรื่องของ API เพื่อขยายไปยังการเคลมแบบผู้ป่วยใน ให้ขั้นตอนการเช็คเอาท์ออกจากโรงพยาบาลมีความรวดเร็วขึ้นภายใน 3 นาที จากเดิมใช้เวลา 30 นาที และยังมีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนสมาชิกของชุมชนออนไลน์ Healthy Living ให้ถึง 180,000 คนภายในปีนี้
2. ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์คุ้มครองสุขภาพ ผลิตภัณฑ์คุ้มครองสุขภาพยังเป็นผลิตภัณฑ์หลักของเรา โดยเรามีพันธมิตรหลักคือกลุ่ม BDMS ที่จะร่วมกันสร้างการเติบโตให้กับผลิตภัณฑ์ที่ร่วมกันพัฒนา ได้แก่ My First Class โดยตั้งเป้าที่จะขยายสัดส่วนการเติบโตของผลิตภัณฑ์นี้ถึง 40% ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์ของประเทศไทยในปัจจุบัน โดยมี 2 แผนประกันให้เลือก คือ แผนแรกความคุ้มครอง 80 ล้านบาท และแผนที่ 2 ความคุ้มครอง 100 ล้านบาท
รวมไปถึงยังตั้งเป้าสร้างหลักประกันสุขภาพ อีกไม่น้อยกว่า 10% สำหรับช่องทางตัวแทน ตั้งเป้าที่จะสร้างการเติบโตของอนุสัญญาประกันสุขภาพให้ถึง 42% อย่างไรก็ตาม บริษัทฯกำลังจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์คุ้มครองสุขภาพตัวใหม่ ในเดือนมีนาคม 2563 นี้ ที่มั่นใจว่าจะเป็นที่สนใจและนิยมมากในตลาด เป็นสินค้าที่อัพเกรดจากประกันสุขภาพปลดล็อค เอ็กซตร้า โดยเพิ่มความคุ้มครองสูงขึ้น ค่าห้องเยอะขึ้น แต่ไม่เพิ่มเบี้ยประกัน รวมถึงดูแลเรื่องไวรัสโคโรน่าอีกด้วย
3. สร้างความแข็งแกร่งในทุกช่องทาง สำหรับช่องทางตัวแทน จะเน้นไปที่การสรรหาตัวแทนใหม่ปีนี้อีก 6,000 คน และสำหรับช่องทางขายตรงและช่องทางขายผ่านธนาคาร เราทำงานร่วมกับพันธมิตรอย่างใกล้ชิดเพื่อที่จะสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตามหน่วยธุรกิจประกันสุขภาพ (Health Profit Center) ที่เราตั้งขึ้นใหม่นี้ จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของผลิตภัณฑ์คุ้มครองสุขภาพ โดยมีช่องทางตัวแทน เป็นช่องทางหลักในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ไปสู่ลูกค้า
“โดยสรุปแล้วปีที่ผ่านมาเราให้คะแนนบริษัทฯ เต็ม 10 ได้แก่ 10 แรกเบี้ยประกันปีแรกเติบโตทุกช่องทาง จากนั้น 10 ตัวที่สอง สินค้าคุ้มครองสุขภาพเติบโตถึง 18% โดยมีการตั้งทีมธุรกิจประกันสุขภาพ (Health Profit Center) จนสามารถสร้างเบี้ยประกันได้ 2,045 ล้านบาท พร้อมก้าวสู่อันดับ 2 ของธุรกิจ และให้คะแนนเต็ม 10 ตัวที่ 3 จากการนำระบบเทคโนโลยีมาใช้กับโรงพยาบาล BDMS จนสามารถย่นระยะเวลาการเช็คเอ้าท์จาก 30 นาทีเหลือ 3 นาที” นายไบรอัน กล่าวทิ้งท้าย