27 กุมภาพันธ์ 2563 : ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TQM เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ TQM ได้มีการเติบโตจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทั้งประกันวินาศภัยและประกันชีวิต รวมถึงการให้บริการในด้านต่าง ๆ ในทุกช่องทาง ซึ่งสามารถตอบโจทย์ของลูกค้าได้อย่างหลากหลายและตรงจุด ทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,783.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2%
โดยเป็นรายได้จากการให้บริการ เป็นจำนวน 2,711.5 ล้านบาท และรายได้จากดอกเบี้ยและผลตอบแทนจากเงินลงทุน 72.3 ล้านบาท ภายใต้การบริหารจัดการการทำงานและควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทฯกำไรเพิ่มสูงขึ้น โดยกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 1,297.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83.9 ล้านบาท คิดเป็น 6.9% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 507.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 103.0 ล้านบาท คิดเป็น 25.5% ซึ่งสัดส่วนเบี้ยประกันยังคงเป็นช่องทาง Motor 70% และ Non-motor 30%
ทั้งนี้ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 มีมติจ่ายเงินปันผล 1.10 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นได้รับสิทธิ (XD) วันที่ 16 มีนาคม 2563 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 14 พฤษภาคม 2563
สำหรับในปี 2563 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าขยายงานเบี้ยรับรวม 15,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.2% พร้อมกับตั้งเป้าภายใน 5 ปี (2563-2567) คาดว่าจะมีเบี้ยประกัน 50,000 ล้านบาท แม้เปิดไตรมาส 1 ที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกหรือการเผชิญกับโรคระบาด ซึ่งทำให้หลายภาคส่วนเกิดความกังวลกับผลกระทบที่เกิดขึ้น แต่สำหรับ TQM ตลาดหลัก 90% ยังคงเป็นประกันวินาศภัย เช่น ประกันรถยนต์ ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ ประกันภัยบ้าน ประกันกลุ่มองค์กร ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ผู้บริโภคจำเป็นต้องใช้ในทุกสภาวการณ์
“ขณะที่ภาวะโรคระบาดที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน TQM ได้เร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยไวรัสโคโรนาร่วมกับพันธมิตรบริษัทประกัน เพื่อช่วยเหลือให้ลูกค้าได้รับความคุ้มครองในภาวะความเสี่ยงแบบนี้ได้ทันท่วงที ด้วยการซื้อผ่าน TQM Insurance Gifts ที่ TQM พัฒนาขึ้นเป็นเจ้าแรก ซึ่งเป็นช่องทางขายดิจิทัลที่ง่ายและสะดวก สร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภคและสนับสนุนงานขายที่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี”
ด้านดร.นภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากการที่เราเข้าสู่กระบวนการทรานส์ฟอร์มในหลายโครงการเมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้ TQM ได้ปรับตัวและก้าวสู่การเป็นผู้นำดิจิทัลอินชัวร์รันส์โบรคเกอร์อย่างเต็มรูปแบบ และพร้อมที่จะยกระดับองค์กรสู่ความเป็นสากลยิ่งขึ้น
ด้วยการมุ่งสู่ความเป็นผู้นำดิจิทัลอินชัวร์รันส์โบรคเกอร์แห่งภูมิภาค (Digital Insurance Broker in Region) โดยการขยายตลาดไปสู่ประเทศที่มีกำลังซื้อและมีความเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เริ่มมีการสำรวจตลาดและความเป็นไปได้ในธุรกิจในกลุ่มประเทศ CLMV ไปบ้างแล้ว ในรูปแบบบริษัทร่วมทุน (่Joint Venture) เช่น กัมพูชา ลาว เป็นต้น
สำหรับแผนการดำเนินงานของ TQM ในปี 2563 ยังคงตอกย้ำการเป็นผู้นำเทรนด์ดิจิทัลอินชัวร์รันส์โบรคเกอร์ โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นการมอบประสบการณ์ที่ใหม่และแตกต่างให้แก่ลูกค้าผ่านช่องทางดิจิทัล และยังคงรักษาฐานตลาดเดิมของ TQM ไว้ทั้งในส่วนงาน Tele Sale งานขาย Face to Face งานขายต่างจังหวัดและลูกค้าองค์กร รวมทั้งกลุ่มบริษัทในเครือ เช่น บริษัท ที เจ เอ็น อินชัวร์รันส์ โบรกเกอร์ จำกัด ที่มุ่งเน้นขยายตลาดดีลเลอร์และนายหน้าอิสระที่ต้องการผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีช่วยสนับสนุนในการขยายงานขายและ งานบริการลูกค้า
“ปัจจุบันบริษัทฯ มีสาขา 95 แห่ง ซึ่งแผนตอนแรกจะมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นแต่จากการพิจารณาแล้ว ไม่ปรับเพิ่มสาขาแต่ นำวงเงิน 200 ล้านบาท มาพัฒนาในช่องทางดิจิทัล ให้มีศักยภาพเพื่อตอบโจทยก์ลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงปรับระบบให้ดีขึ้นเพื่อรองรับการบริการแก่ลูกค้าได้ในทุกช่องทาง”
ทั้งนี้ TQM ได้นำขีดความสามารถจากโครงการทรานส์ฟอร์เมชั่นต่าง ๆ ของปีก่อนมาปรับใช้เชิงรุก ภายใต้การขับเคลื่อนด้วย 6 กลยุทธ์หลักคือ 1. การเติบโตจากทุกช่องทางในทุก Platform 2. การ Co-Partner Ship 3. การควบรวมและการซื้อกิจการ (Mergers and Acquisitions: M&A) 4. การขยาดตลาดไปต่างประเทศ 5. การเพิ่มยอดขายด้วย Cross-selling 6. ใช้ดิจิทัลเป็นปัจจัยสนับสนุนและขับเคลื่อนองค์กร ทั้งนี้การขับเคลื่อนโดยกลยุทธ์ Digital Strategy เพื่อการก้าวไปสู่การเป็น Number 1 Digital Insurance Broker in Regional