กรุงเทพฯ 21 กุมภาพันธ์ 2563 : เอสซีจี โดย บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด หรือ ซีแพค (CPAC) ผู้ผลิตคอนกรีตผสมเสร็จและคอนกรีตสำเร็จรูปรายแรกของไทย ยกระดับวงการก่อสร้างระดับภูมิภาค นำเสนอนวัตกรรมคอนกรีตสูตรเฉพาะ และโซลูชันการเทคอนกรีตสำหรับงานเทฐานรากขนาดใหญ่ของเมกะโปรเจกต์ระดับโลก “วัน แบงค็อก” (One Bangkok) โครงการมิกซ์ยูสที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย พัฒนานวัตกรรมคอนกรีตความร้อนต่ำสูตรพิเศษ เพิ่มกำลังอัดสูงถึง 600 ksc. ทำลายสถิติสูงสุดในประเทศไทย
นายชนะ ภูมี Vice President-Cement and Construction Solution Business บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด กล่าวว่า “บริษัทผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด หรือซีแพค เป็นผู้ผลิตคอนกรีตผสมเสร็จและคอนกรีตสำเร็จรูปรายแรกของไทย ที่ไม่เพียงเป็นผู้ผลิตคอนกรีตแต่ยังมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย นำเสนอบริการที่ครบวงจร และสร้างสรรค์โซลูชันใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยปีที่ผ่านมาได้ยกระดับกระบวนการทำงานสู่รูปแบบ Construction Solution เพื่อส่งมอบสินค้าพร้อมโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องของลูกค้าแต่ละองค์กร โดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric)
นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงการทำงานร่วมกันกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และมุ่งเน้นการทำงานร่วมกับลูกค้า ตั้งแต่การให้คำปรึกษา วางแผนการก่อสร้าง พัฒนาและออกแบบสูตรคอนกรีต ดำเนินการก่อสร้าง ตรวจสอบ และดูแลหลังการขาย ขณะเดียวกันยังยึดหลักการดำเนินงานตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยทุกกระบวนการจะคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงทำให้ ซีแพค ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรชั้นนำมาโดยตลอด ล่าสุดได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้รับผิดชอบด้านโครงสร้างฐานรากของโปรเจกต์ระดับโลกอย่าง ‘One Bangkok’ โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รูปแบบมิกซ์ยูสที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย”
ซีแพค ได้วางแผน และดำเนินงานร่วมกับผู้พัฒนาโครงการวัน แบงค็อก (One Bangkok) มานานกว่า 1 ปี โดยทีมวิศกรของบริษัทฯ ได้นำความเชี่ยวชาญด้านการผสมคอนกรีตมาพัฒนาและคิดค้นนวัตกรรมส่วนผสมคอนกรีตสูตรพิเศษสำหรับโครงการนี้โดยเฉพาะ ออกแบบให้คอนกรีตมีความร้อนต่ำมาก เพื่อช่วยลดปัญหาการแตกร้าว แต่เพิ่มกำลังอัดสูงถึง 600 ksc. ซึ่งนับเป็นคอนกรีตที่มีกำลังอัดสูงที่สุดสำหรับงานเทฐานรากขนาดใหญ่ ที่มีความลึกมากถึง 21 เมตร กว้าง 59.1 เมตร ยาว 91.5 เมตร และหนา 4.5 เมตร ทำลายสถิติที่ได้บันทึกไว้ในวงการก่อสร้างไทย
นอกจากนี้ปูนซีเมนต์ที่ใช้เป็นส่วนผสมคอนกรีตยังเป็นผลิตภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ได้รับรองมาตรฐาน “ได้รับฉลากเขียว (Green Label)” รายแรกและรายเดียวในไทย ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตอบโจทย์ความต้องการของโครงการฯ เพื่อสามารถคว้ามาตรฐานอาคารเขียวระดับสูงสุด หรือ LEED Platinum
โดยการเทฐานรากในครั้งนี้ บริษัทฯ ใช้ปริมาณการเทคอนกรีตอย่างต่อเนื่องมากที่สุดถึง 23,725 ลูกบาศก์เมตร ด้วยอัตราการเทสูงสุด 1,150 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ซึ่งนับเป็นสถิติที่มากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับการเทคอนกรีตครั้งเดียวต่อเนื่องจนจบ โดยได้ใช้รถโม่จัดส่งคอนกรีตมายังหน้างานรวมทั้งสิ้น 547 คัน และใช้ระยะเวลาการเทคอนกรีตจนแล้วเสร็จ 33 ชั่วโมง 15 นาที
โดยตลอดทั้งกระบวนการ บริษัทฯ ให้ความสำคัญด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัดในทุกขั้นตอนตามหลักบริหารจัดการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Green Operation) ทั้งภายในโรงงาน และระหว่างการจัดส่ง ไม่ว่าจะเป็น การพ่นสเปรย์ละอองน้ำภายในโรงงานและบนวัตถุดิบ เพื่อเพิ่มความชื้นในบรรยากาศและป้องกันฝุ่นละออง มีบ่อหรือระบบน้ำวนล้างล้อรถโม่ก่อนออกจากโรงงาน ตรวจสอบสภาพรถไม่ให้มีการปล่อยควันดำเกินค่ามาตรฐานตามกฎหมายกำหนด ที่สำคัญมีการใช้ผ้าใบคลุมรางเทคอนกรีตท้ายรถโม่ เพื่อป้องกันเศษคอนกรีตที่ติดค้างในรางเทคอนกรีตร่วงหล่นบนพื้นถนน
สำหรับโครงการวัน แบงค็อกจะสร้างแล้วเสร็จเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี พ.ศ. 2569 ซึ่งจะประกอบไปด้วยอาคารสำนักงานเกรดเอระดับพรีเมี่ยม 5 อาคาร ที่พักอาศัยระดับลักชัวรี่ 3 อาคาร พื้นที่ร้านค้าปลีก 4 โซน โรงแรมหรู 5 โรงแรม และพื้นที่ศูนย์กลางสำหรับกิจกรรมทางศิลปะและวัฒนธรรม รวมถึง Signature Towerสูง 430 เมตร ซึ่งจะกลายเป็นหนึ่งในสิบตึกที่สูงที่สุดในอาเซียน
“การได้รับความไว้วางจากโครงการวัน แบงค็อก สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความเชี่ยวชาญของซีแพค ที่ไม่ได้เป็นเพียงผู้ผลิตคอนกรีตผสมเสร็จเท่านั้น แต่เราเป็นผู้ให้บริการ Construction Solution ที่ครบวงจร ตั้งแต่การส่งมอบสินค้าคุณภาพสูง สร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าและโซลูชันใหม่ๆ ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง การให้คำปรึกษาโดยทีมผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพจากหลากหลายสาขา เพื่อส่งมอบผลงานที่ตอบโจทย์ความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของแต่ละองค์กร ซึ่งเราจะพัฒนาความมุ่งมั่นดังที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ควบคู่ไปกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนของเอสซีจี เพื่อเป็นอีกหนึ่งแรงที่จะสนับสนุนการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความยั่งยืน” นายชนะ กล่าวปิดท้าย