WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันอังคาร ที่ 11 มีนาคม 2568 ติดต่อเรา
หลบหน่อยพระเอกมา…..!!!

กรุงเทพฯ 22 สิงหาคม 2559 : หลังจากเสียงระเบิดดังตูมแบบรั่วๆในหลายพื้นที่เมื่อช่วงคืนวันที่ 11 สิงหาคม ที่ผ่านมา ภาพการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยในความรู้สึกของชาวไทยในเบื้องตนได้ตกฮวบมาอยู่ที่ตาตุ่ม แต่อารามใจหายก็ไม่ได้อยู่กับคนไทยนัก เห็นได้ว่า พอตลาดหุ้นไทยเปิดทำการวันแรกในวันจันทร์ที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา หุ้นไทยได้สะท้อนกับข่าวระเบิดในประเทศอย่างเห็นได้ชัด ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างมีนัยยะ แต่หุ้นไทยติดดาวแดงได้ไม่นาน ก็กลับมาเขียวสดใสไม่มีหลุดต่ำกว่า 1,500 จุด แสดงให้เห็นว่า “ความชินทำให้ความตระหนกเกิดเป็นพักๆแค่ระยะสั้น”

กลับมาดูภาพเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้กันดีกว่า มีกูรูและผู้รู้หลายด้านออกมาให้ความเห็นถึงเศรษฐกิจไทยช่วงเดือนที่เหลือว่า “อนาคตเริ่มเห็นเป็นรูปร่างแล้ว” หลังจากที่หลายคนกังวลว่า เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวเป็นการฟื้นแบบหลอกๆเท่านั้น แต่พอล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในไตรมาส 2/59 ขยายตัว 3.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า หรือเติบโต 0.8% หากเทียบกับไตรมาสก่อนแบบปรับฤดูกาล

33

โดยทางสภาพัฒน์ฯ ให้เหตุผลว่าปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการบริโภคภาคเอกชนที่เติบโตได้ 3.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า สูงขึ้นจาก 2.3% เทียบปีก่อนหน้าในไตรมาสก่อน นำโดยการบริโภคหมวดสินค้าคงทนและกึ่งคงทน โดยเฉพาะหมวดยานพาหนะที่เติบโตได้ถึง 13.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า กลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 3 ปี จากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ และการส่งเสริมการขายในช่วงที่ผ่านมา และข่าวดีดังกล่าวทำให้ความหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจกลับมามีชีวิตชีวามากขึ้น

ด้านศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ EIC กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงทุนภาครัฐและการท่องเที่ยวยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ โดยการลงทุนภาครัฐขยายตัวที่ 10.4% เทียบปีก่อน จากการลงทุนในโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน รวมถึงการก่อสร้างของรัฐวิสาหกิจ ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวยังคงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การส่งออกภาคบริการเติบโตในระดับสูงที่ 12.1% เทียบปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ทั้งสองปัจจัยดังกล่าวมีแนวโน้มเติบโตได้ช้าลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยเฉพาะเม็ดเงินลงทุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงหลังจากที่ได้เร่งเบิกจ่ายไปในช่วงก่อนหน้า

การลงทุนภาคเอกชนและการส่งออกสินค้ายังไม่ฟื้นตัว โดยการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวได้ เพียง 0.1% เทียบปีก่อนหน้า จาก 2.1% เทียบปีก่อนหน้า ในไตรมาสก่อนปัจจัยหลักมาจากการก่อสร้างที่อยู่อาศัยหดตัวลงจากไตรมาสก่อนหลังมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์หมดไป รวมถึงการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมก็หดตัวลงหลังจากโรงงานที่ได้รับอนุมัติ การส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ได้ก่อสร้างเสร็จไปเป็นจำนวนมากแล้ว ในขณะที่การส่งออกสินค้าพลิกกลับมาหดตัวที่ 2.5%เทียบปีก่อนหน้า จากที่ขยายตัวในไตรมาสก่อนหน้าที่ 1.0%YOY ตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ยังอ่อนแอ แม้มีปัจจัยสนับสนุนด้านการส่งออกทองคำที่ทำให้การส่งออกรวมติดลบน้อยลง

EIC มองเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังฟื้นตัวต่อเนื่องแต่อาจไม่ร้อนแรง การบริโภคภาคเอกชนที่เติบโตได้ ดียังคงมีปัจจัยบวกในครึ่งปีหลัง เพราะจะได้รับอานิสงส์จากการสิ้นสุดมาตรการรถคันแรกตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้เป็นต้นไปซึ่งจะส่งผลให้มีกำลังซื้อบางส่วนกลับเข้ามาสู่ระบบเศรษฐกิจและมี โอกาสที่ยอดขายยานพาหนะจะกลับมาฟื้นตัวเต็มที่ อย่างไรก็ตาม แรงขับเคลื่อนสำคัญอย่างการใช้ จ่ายภาครัฐและภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตดีกว่าที่คาดในครึ่งปีแรกอาจมีการชะลอการเติบโตลงในช่วงครึ่งปีหลังจากเม็ดเงินของมาตรการลงทุนขนาดเล็กที่ เริ่มหมดลงประกอบกับปัจจัยฐานสูงของการลงทุนภาครัฐในปีก่อนหน้า นอกจากนี้ การเติบโตในระดับสูงของภาคการท่องเที่ยวของไทยอาจมีการชะลอตัวลงหากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขาดความเชื่อมั่นจากเหตุก่อความไม่สงบในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่ภาคใต้

เศรษฐกิจไทยยังคงมีความเสี่ยงที่ สำคัญ แม้การบริโภคจะส่งสัญญาณฟื้นตัว แต่การเติบโตที่ต่อเนื่องอาจมี ข้อจำกัดจากกำลังซื้อของภาคครัวเรือนที่ยังคงถูกกดดันจากแนวโน้มการฟื้นตัวของราคาสินค้าเกษตรที่อาจไม่ยั่งยืน ขณะที่การจ้างงานและชั่วโมงการทำงานที่ยังคงลดลงเช่นเดียวกันกับอัตราการเพิ่มขึ้ นของค่าจ้างเฉลี่ยที่ลดลงเช่นกัน ด้านการส่งออกมีความเป็นไปได้สูงที่จะยังคงหดตัวจากเศรษฐกิจโลกที่ยังเปราะบางและการค้าโลกที่ชะลอตัว ในช่วงครึ่งปีหลัง ต้องจับตาดูความเสี่ยงที่ถูกเพิ่มเข้ามาใหม่ คือ เหตุการณ์ Brexit ที่ได้เริ่มส่งผลลบต่อเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรแล้ว จึงควรเฝ้าระวังการลุกลามของผลกระทบต่อไทยผ่านช่องทางการค้าและการท่องเที่ยวในระยะต่อไป นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากฝั่งสหรัฐฯ ที่ยังมีความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

ส่วนด้านการลงทุน นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้เวลาที่หุ้นกลุ่มธนาคารจะกลับมาทวงบรรลังก์อันดับหนึ่งคืนแล้ว หลังจากที่หุ้นกลุ่มธนาคารช่วงปีที่ผ่านมาราคาปรับตัวลดลงไปกว่า 50% ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ยังมองอีกว่า ช่วงครึ่งหลังของปีนี้หุ้นกลุ่มธนาคารจะกลับมาเป็นพระเอกในการทำกำไรให้กลับนักลงทุนอีกครั้ง แม้ผลประกอบการช่วงไตรมาส 2/59 ของกลุ่มธนาคารออกมาไม่ค่อยดีนัก

แต่ตัวแปรสำคัญ คือ ช่วง2 ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เป็นช่วงไฮซีซั่นของกลุ่มธนาคาร ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่กลับมาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นการเติบโตแบบของจริง หลังจากภาพรวมของผลประกอบการธุรกิจบจ.ออกมาดี โดยเฉพาะผลประกอบการของกลุ่มค้า ซึ่งแสดงให้เห็นการกลับมาของภาวะเศรษฐกิจที่กลับมาดีจริง นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของยอดจองคอนโดมิเนียมที่มีจำนวนมากขึ้นในช่วงหลังๆนี้ ร่วมถึงยอดเบิกจ่ายงบลงทุนของภาครัฐบาลปัจจุบันมียอดเบิกจ่ายสูงกว่าเป้าหมายทั้งปีไปเรียบร้อยแล้ว และเดือนก.ย.59 เดือนสุดท้ายของการเบิกจ่ายก็มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นไปอีก

ส่วนกลยุทธ์การลงทุน แนะว่า นักลงทุนที่มีหุ้นกลุ่มธนาคารอยู่ในมือ ควรถือต่อไปโดยไม่ต้องกังวลความผันผวนของตลาดที่จะเกิดขึ้น ส่วนนักลงทุนที่ยังไม่มีหุ้นกลุ่มธนาคารในมือ แนะว่า ค่อยหาจังหวะที่ดีเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร ส่วนหลักทรัพย์ที่น่าสนใจในการเข้าลงทุน คือ หุ้น SCB หุ้น KTB หุ้น TISCO และหุ้นTCAP logo เล็ก (ปิดท้ายข่าว)

การเงิน ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP