11 กุมภาพันธ์ 2563 : นายอิสสระ ถวิลเติมทรัพย์ กรรมการ บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ KBS ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายอย่างครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีนโยบายมุ่งเสริมศักยภาพกลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายให้มีความเข้มแข็งและต่อยอดสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่องค์กร
โดยแผนดำเนินงานธุรกิจน้ำตาลของ KBS ในปีนี้ ได้ใช้จุดเด่นความเชี่ยวชาญเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการหีบสกัดน้ำตาล พร้อมนำเทคโนโลยีการผลิตมาช่วยเพิ่มมูลค่าผลผลิต หลังลงทุน คอนดิชันนิ่ง ไซโลน้ำตาล ช่วยลดการจับตัวเป็นก้อน ทำให้ KBS สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีความหลากหลาย ครอบคลุมตั้งแต่ น้ำตาลทรายดิบ น้ำตาลทรายสีรำ น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ และน้ำตาลทรายขาวผสมซูคราโลส (Sucralose) เพื่อ ตอบสนองลูกค้ากลุ่มผู้ผลิตรายย่อยและผู้บริโภคทั่วไป ทั้งตลาดภายในประเทศและส่งออกไปตลาดต่างประเทศในทวีปเอเชีย
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการบริหารจัดการด้านซัพพลายเชนของธุรกิจเพื่อสร้างความมั่นคงด้านผลผลิต โดยส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการเพาะปลูก การจัดเก็บผลผลิตให้แก่ชาวไร่คู่สัญญา เพื่อนำส่งอ้อยมีคุณภาพให้แก่โรงงาน ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการผลิต 35,000 ตันต่อวัน โดยปีที่ผ่านมามีอ้อยเข้าหีบ 3,298,841.44 ตันอ้อย ผลิตเป็นน้ำตาลทุกประเภทรวม 3,726,503.85 กระสอบ คิดเป็นน้ำตาลต่อตันอ้อย (ยิลด์) อยู่ที่ 112.96 กิโลกรัม และรอบการผลิตปี 62/63 หลังเปิดหีบมาตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2562 จนถึงปัจจุบัน มีอ้อยเข้าหีบแล้ว 1.4 ล้านตัน ผลิตน้ำตาลได้ 1.484 ล้านกระสอบ คิดเป็นน้ำตาลต่อตันอ้อยอยู่ที่ 105.96 กิโลกรัมต่อตันอ้อย
“เรามุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจ โดยใช้เทคโนโลยีเพิ่มคุณภาพและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์น้ำตาลภายใต้แบรนด์ KBS ให้ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า และนำผลพลอยได้สร้างความเข้มแข็งธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อตอกย้ำผู้นำธุรกิจน้ำตาลอย่างครบวงจร” นายอิสสระ กล่าว
กรรมการ KBS กล่าวว่า บริษัทฯ ยังมีแผนลงทุนก่อสร้างโรงงานน้ำตาลแห่งใหม่ กำลังการผลิต 12,000 ตันต่อวัน และขยายธุรกิจเกี่ยวเนื่องเพิ่มเติม ได้แก่ ปุ๋ยอินทรีย์ รวมถึงธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งดำเนินการโดย KPP หรือ บริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด ที่ KBS ถือหุ้นอยู่ 99.99% โดยอยู่ระหว่างดำเนินการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ที่อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา กำลังการผลิตไฟฟ้า 18 เมกะวัตต์ จากเดิมที่มีแล้วจำนวน 1 โรง กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 73 เมกะวัตต์ ซึ่งมีสัญญาจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) จำนวน 22 เมกะวัตต์ และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จำนวน 16 เมกะวัตต์
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีแผนจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี จำนวนไม่เกิน 2,800 ล้านบาท เพื่อระดมเงินไปลงทุนในโรงงานน้ำตาล และ โรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.)