11 กุมภาพันธ์ 2563 : นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บมจ.เอ็ม บี เค (MBK) เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมและธุรกิจศูนย์การค้าของบริษัท โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ซึ่งในช่วงหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสขึ้นในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา อัตราการเข้าพักโรงแรมในเครือลดลงมาก เนื่องจากมีการชะลอการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย นักท่องเที่ยวและกรุ๊ปทัวร์บางส่วนยกเลิกการเดินทางเข้ามาพัก
อัตราการเข้าพักของโรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส โดยปกติในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.จะอยู่ที่ 80% แต่ในปีนี้ลดลงไปมากพอสมควร แต่ก็ถือเป็นไปตามภภาพรวมของอุตสาหกรรมที่ทุกคนได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ธุรกิจโรงแรมในเครือไม่ได้พึ่งพิงกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก จึงยังมีนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นเดินทางเข้ามาใช้บริการอยู่ ได้แก่ นักท่องเทียวจากตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย จีน และสิงคโปร์ ซึ่งช่วยชดเชยนักท่องเที่ยวจีนที่หายไปได้บ้าง
ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นกับธุรกิจศูนย์การค้าของบริษัท พบว่าจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการลดลงไปราว 10% จากปกติ หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ส่วนหนึ่งเป็นผลจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง และประชาชนชะลอเข้ามาใช้บริการศูนย์การค้า เนื่องจากกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโรนา จึงกระทบต่อผู้เช่าพื้นที่ของศูนย์การค้าไปด้วย ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และรอให้สถานการณ์การแพร่ระบาดนิ่งก่อน จึงจะสามารถประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ และมองหาแนวทางในการฟื้นธุรกิจและเยียวยาผู้เช่า
“ตอนนี้เป้าหมายที่เคยตั้งไว้ก็คงจะต้อง Revise ใหม่ จากผลกระทบที่เกิดขึ้นที่ทุกคนรู้ๆกัน และตอนนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดก็ยังไม่นิ่ง ซึ่งเราก็ยังติดตามให้สถานการ์ณนิ่งๆ ก่อนแล้วเราจะมาประเมินผลกระทบและนำมาปรับแผนงานของเรา และดูการฟื้นและเยียวยาธุรกิจ มองว่าตอนนี้ทั้งธุรกิจโรงแรมและศูนย์กานค้าเกิดการช็อค หลังจากนักท่องเที่ยวหายไปมากในช่วงไฮซีซั่นนี้ แต่ในส่วนของโรงแรมกรุ๊ปทัวร์ที่ยกเลิกไป เราก็เก็บเงินมัดจำเขาไว้ก่อน หลังจากที่สถานการ์ณกลับมาปกติแล้ว แล้วเขาตัดสินใจกลับมาอีกครั้ง เราก็นำเงินตรงนี้มาเป็นเงินมัดจำของเขาตามเดิม แต่มองภาพตอนนี้ธุรกิจมีโอกาสฟื้นช้ากว่า แต่ถ้ามองในแง่บวกอีก 2 เดือนข้างหน้าทุกอย่างน่าจะจบ แต่ก็ไม่รู้แน่นอนว่าตอนไหน”นายสุเวทย์ กล่าว
ด้านมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวและการลดหย่อนภาษีจากทางภาครัฐที่ออกมานั้น บริษัทมองว่าน่าจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กลับฟื้นมาได้ แต่ยังต้องใช้เวลา ซึ่งช่วงนี้ผู้ประกอบการทุกคนต้องกลับมาดูแลธุรกิจของตัวเองเป็นพิเศษเพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด และหาโอกาสมาปรับปรุงธุรกิจให้ดีขึ้น และควบคุมต้นทุนให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในส่วนของบริษัทจะใช้โอกาสนี้ในการทยอยปรับปรุงโรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส ให้ครบสมบูรณ์ โดยวางงบลงทุน 300-400 ล้านบาท พร้อมกับเดินหน้าการก่อสร้างโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ พื้นที่ 20,000 ตารางเมตรในย่านปทุมธานี มูลค่าลงทุนราว 500 ล้านบาท เพื่อให้แล้วเสร็จภายในปลายปี 63 ซึ่งโครงการดังกล่าวจะเข้ามาเสริมการให้บริการลูกบ้านและลูกค้าในพื้นที่รอบๆ โครงการที่อยู่อาศัยที่บริษัทพัฒนา
ส่วนธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยในปี 63 บริษัทคาดหวังจะโอนโครงการให้ได้มูลค่าราว 2 พันล้านบาท ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียม QUINN สุขุมวิท 101 มูลค่า 2.5 พันล้านบาท และโครงการแนวราบที่ปทุมธานี ในส่วนของที่ดินเปล่าที่บริษัทยังมีอยู่และไม่ได้พัฒนา ได้แก่ ที่ดินในภูเก็ตและปทุมธานี รวมกว่า 1,000 ไร่ ขณะนี้บริษัททำเกษตรกรรม ด้วยการปลูกพืชเพื่อสร้างรายได้เข้ามา และเป็นการลดภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เกิดกระทบต่อบริษัทด้วย