27 มกราคม 2563 : บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดจำหน่ายกองทุนรอบใหม่ คือ กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3 เดือน 2 ( KTSIV3M2) รหัสกองทุน คือ K8 H ตั้งแต่วันที่ 27 – 31 มกราคม 2563 อายุโครงการประมาณ 3 เดือน เน้นลงทุนในตราสารแห่งหนี้ภาครัฐ เงินฝาก / ตราสารหนี้ธนาคารพาณิชย์ และตราสารหนี้ภาคเอกชนไทย มีระดับความเสี่ยงของกองทุนที่ระดับ 4 คือ ปานกลางค่อนข้างต่ำ ผลตอบแทนของกองทุนอยู่ที่ประมาณ 0.90% ต่อปี ซึ่งผลตอบแทนที่ได้รับไม่เสียภาษี ยกเว้นนิติบุคคลต่างประเทศที่ไม่ประกอบกิจการในประเทศไทย
ตราสารที่คาดว่าจะลงทุน คือ (1) ตั๋วแลกเงิน บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วน 9 % ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับประมาณ 0.14% ต่อปี (2) หุ้นกู้ระยะสั้น บริษัท หลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ในสัดส่วน 9 % ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับประมาณ 0.16% ต่อปี (3) ตั๋วแลกเงิน บริษัท บีเอสแอล ลีสซิ่ง จำกัด ในสัดส่วน 9 % ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับประมาณ 0.16% ต่อปี และ (4) พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ในสัดส่วนประมาณ 73% ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับประมาณ 0.77% ต่อปี (ที่มาของข้อมูล: ข้อมูลจากธนาคารพาณิชย์และผู้ค้าตราสารหนี้ วันที่ 22 มกราคม 2563) และเงินลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศจะทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
อนึ่ง ทรัพย์สินที่ลงทุนหรือสัดส่วนการลงทุนอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เฉพาะเมื่อมีความจำเป็นและสมควรเพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นสำคัญ โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นต้องไม่ทำให้ความเสี่ยงของทรัพย์สินที่ลงทุนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทจัดการอาจพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝาก ตลอดจนหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นที่สำนักงานฯ อนุญาตให้ลงทุนได้ภายใต้กรอบการลงทุนของ บลจ. กรุงไทย ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่ประมาณการไว้
ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ 10-17 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกช่วงอายุตามแรงขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยงหลังเงินบาทมีการอ่อนค่าอย่างรวดเร็วในช่วงบ่ายของวันที่ 16 มกราคม 2563 และตอบรับกระแส Risk On จากการลงนามในข้อตกลงการค้า Phase 1 ระหว่างสหรัฐกับจีน และแผนการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาล โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติเป็นยอดขายสุทธิจำนวน 3,349 ล้านบาท สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามจะเป็นความคืบหน้าของ พ.ร.บ. งบประมาณปี 2563 ความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทิศทางของการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนระหว่างประเทศ และการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นและตรลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ
อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกามีการปรบตัวลดลงเกือบทุกช่วงอายุตามกระแส Risk Off จากความกังวลว่าข้อพิพาททางการค้าจะยืดเยื้อต่อไปหลังสภาสหรัฐอเมริกาผ่านร่างกฎหมายสนับสนุนผู้ประท้วงในฮ่องกง
ในขณะที่ทรัมป์ยืนยันที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มจากจีนตามกำหนดหากยังไม่มีการลงนามในข้อตกลง โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี อยู่ที่ 1.61% ต่อปี ไม่เปลี่ยนแปลง อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับลดลง 3 bps. มาอยู่ที่ 1.62% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง 7 bps. มาอยู่ที่ 1.77% ต่อปี สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามจะเป็นความคืบหน้าเกี่ยวกับการลงนามในข้อตกลงการค้าระหว่าง สหรัฐอเมริกากับจีน ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา การดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจการค้า และการเมืองของสหรัฐอเมริกา