18 สิงหาคม 2559 : นางสาลินี วังตาล ประธานกรรมการ และ นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ประกาศผลประกอบการเดือนกรกฎาคม 2559 ว่า ธพว.มีกำไรสุทธิ 155 ล้านบาท เป็นผลมาจากการขยายตัวของสินเชื่อต่อเนื่อง การบริหารจัดการหนี้ NPLs ลดลง ประกอบกับธนาคารสามารถบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินลดลง และควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ภายใต้กรอบแผนงานที่วางไว้
อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิเดือนกรกฎาคม 2559 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลงเล็กน้อย โดยธนาคารได้ตั้งสำรองส่วนเกินเผื่อค่าหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงแข็งแกร่งทางด้านฐานะการเงินต่อไป ทั้งนี้กำไรสุทธิของธนาคารรวม 7 เดือน เท่ากับ 1,259 ล้านบาท ณ 31 กรกฎาคม 2559 ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่เพื่อช่วยผู้ประกอบการรายย่อยรวม 18,914 ล้านบาท จำนวน 6,242 ราย เฉลี่ยกู้ต่อราย 3 ล้านบาท ยอดสินเชื่อคงค้าง 88,858 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ณ 31 กรกฎาคม 2559 มียอด NPLs คงเหลือ 19,758 ล้านบาท (คิดเป็น 22.24% ของสินเชื่อรวม) ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2559 ที่มียอด NPLs เท่ากับ 20,011 ล้านบาท (คิดเป็น 22.60% ของสินเชื่อรวม) หรือลดลง 253 ล้านบาท ทั้งนี้ เกิดจากธนาคารได้มีการตัดหนี้สูญทางบัญชีและมีการแก้ไขหนี้ NPLs ด้วยวิธีการที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย อาทิ การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ การชำระหนี้ปิดบัญชี
ทั้งนี้ จากการประชุมของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ในคราวประชุมครั้งที่ 3/2559 เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2559 ได้พิจารณาการดำเนินการตามแผนการแก้ไขปัญหาองค์กรของ ธพว. และมีมติรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานของ ธพว. ซึ่งส่วนใหญ่ ธพว. ดำเนินการได้ตามมติ คนร. และแผนที่กำหนดไว้รวมทั้งจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เข้าตรวจสอบคุณภาพการปฏิบัติงานด้านการตรวจสอบภายใน (Internal Audit) และด้านการกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ (Compliance)
เมื่อช่วงต้นปี 2559 ซึ่งเป็นการตรวจสอบสถาบันการเงินทั้งระบบ (ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงิน เฉพาะกิจ(SFIs) ธปท. ได้แจ้งผลการตรวจสอบ ธพว. ในเรื่องการตรวจสอบภายในและเรื่องการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เมื่อเดือนกรกฎาคม 2559 ว่า ธพว. มีมาตรฐานในระดับที่ยอมรับได้ และ ธปท. ยังได้ให้ข้อเสนอแนะในการเพิ่มประสิทธิภาพของงานดังกล่าวให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นด้วย