WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันอาทิตย์ ที่ 24 พฤศจิกายน 2567 ติดต่อเรา
วิริยะประกันภัย สะดุ้ง!! ลูกค้าเคลมค่าขาดประโยชน์สูง ดันสินไหมทดแทนพุ่งขึ้นเป็น 63%

25 พฤศจิกายน 2562 : นายสยม โรหิตเสถียร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือน (มกราคม-กันยายน 2562) ว่า บริษัท มีเบี้ยประกันรับโดยตรงทั้งสิ้น 29,089.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 963.79 ล้านบาท หรือเติบโต 3.43%

โดยแบ่งเป็นประกันรถยนต์ 25,950.90 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3% โดยคิดเป็นสัดส่วนเบี้ยประกัน 89.2% ของเบี้ยประกันรับรวม ส่วนทางด้านเบี้ยประกันที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non-Motor) 3,139.05 ล้านบาท หรือมีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้น 7.09% คิดเป็นสัดส่วนเบี้ยประกัน 10.79% ดังนั้น สิ้นปีเบี้ยประกันรับโดยตรงจะมีประมาณ 30,000 ล้านบาท อัตราต่ออายุประมาณ 72% ซึ่งอาจจะมีงานรับประกันเพิ่มขึ้น จากการเข้าร่วม งานมอเตอร์ เอ็กซ์โปร์ ด้วยส่วนหนึ่ง คาดว่าสิ้นปีมีกำไรประมาณ 2,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่า สินไหมทดแทนของบริษัทฯ มีอัตราที่เพิ่มขึ้น 3% จากเดิมอยู่ที่ 60% ปรับเพิ่มขึ้นมาเป็น 62-63% เนื่องจากผู้เอาประกันที่มาเรียกร้องสินไหมทดแทนจากค่าขาดประโยชน์ที่ไม่ได้ใช้รถเป็นส่วนใหญ่ จากในอดีตจ่ายบ้างไม่จ่ายบ้างแต่ปัจจุบันเกือบ 100% ที่ต้องจ่าย ประกอบกับในปี 2563 ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จะมีการประกาศใช้อัตราการจ่ายสินไหมทดแทน ของประกันภาคสมัครใจ เพิ่มขึ้น จากเดิมกรณีอุบัติเหตุเสียชีวิตจ่าย 5 แสนบาท ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 7 แสนบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติ

ในกรณีนี้ หากประชาชนทำประกันภาคสมัครใจไว้ กรณีเสียชีวิตด้วยจะจ่ายสินไหมทดแทน 3 แสนบาท เพราะฉะนั้น รถที่ทำประกันภัยภาคสมัครใจและประกันภัยภาคบังคับร่วมกัน จะได้รับสินไหมทดแทนกรณีเสียชีวิต 1 ล้านบาท/คน ซึ่งถือว่าประชาชนได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มที่

แต่อย่างไรก็ดี ในกรณีนี้จะทำให้สินไหมทดแทนขอบบริษัทฯ ปรับเพิ่มขึ้น ดังนั้นบริษัทฯ ต้องหันมาพิจารณาถึงความเสี่ยงของรถในแต่ละรุ่่น และจะมีการจัดกลุ่มรถแต่ละประเภทว่า รถที่มีความเสี่ยง เกิดเคลมสูง จะถูกปรับเพิ่มเบี้ยประกัน 2-3% โดยปรับให้เหมาะสมกับความเสี่ยงของการใช้รถในแต่ละกลุ่ม เช่น ในแต่ละวันใช้รถทั้งวันนั่นหมายถึงความเสี่ยงมากก็ต้องถูกปรับเพิ่มเบี้ยประกัน แต่กรณีขับไปทำงานเช้า แล้วขับกลับเท่านั้น กลุ่มนี้ก็ไม่ถูกเพิ่่มเบี้ย เป็นต้น

“ปัจจุบันบริษัทฯ มีฐานลูกค้าอยู่ 5 ล้านกรมธรรม์ การจะปรับราคาจะต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ ต้องพิจารณารถที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย ซึ่งกลุ่มรถที่มีความเสี่ยงสูงก็เป็นกลุ่มรถวัยรุ่น หรือรถที่ใช้งานทั้งวัน ฉะนั้นจะนำระบบไอทีจะเข้ามาพิจารณาถึงพฤติกรรมการใช้รถร่วมด้วย ปรับเบี้ยให้เหมาะสมกับกลุ่มเสี่ยง”

ส่วนศูนย์บริการที่ให้บริการสินไหมครบวงจรมี 20 ศูนย์ พร้อมทั้งขยายจุดย่อยเป็น 5 เขต เพื่อให้การบริการรวดเร็วยิ่งขึ้น และมีพนักงานสำรวจภัยประมาณ 2,000 คน มีระยะเวลาที่กำหนดไว้ให้ถึงที่เกิดเหตุภายใน 20 นาที จากเดิม 30 นาที

สำหรับ ทิศทางการดำเนินงานปี 2563 คาดว่าเบี้ยประกันรับรวมจะเติบโตประมาณ 4% ส่วนทางด้าน ส่วนเบี้ยประกันรับ Non-Motor ตั้งเป้าเพิ่มเบี้ยอีก 400 ล้านบาท เพิ่มเป็นเบี้ยประกัน 4,000 ล้านบาท คิดเป็น 13% ของพอร์ตโดยรวม จากตลาดประกันสุขภาพ และ ประกันขนส่งสินค้า อีกทั้งยังขยายตลาดช่องทางออนไลน์ให้เพิ่มขึ้น เพื่อขยายไปยังกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ที่มีความ ขณะที่คนรุ่นเก่าจะคุ้นชินกับการซื้อขายผ่านตัวแทนมากกว่า

“สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ เรื่องค่าขาดประโยชน์ที่มีการเรียกร้องเพิ่มมากขึ้น จะต้องบริหารให้ดี รวมถึงการปรับค่าแรงของค่าซ่อมรถที่เพิ่มขึ้นด้วย” นายสยม กล่าวสรุป

ประกันภัย ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP