9 ตุลาคม 2562 : นายนพพร บุญลาโภ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลงานเบี้ยประกันรับช่วงครึ่งปีแรกยังขยายตัวได้ดี และไตรมาส 3 ก็เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ซึ่งเป้าหมายเบี้ยประกันรับช่วง 3 เดือนสุดท้ายปลายปีก็น่าจะใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยตลอดทั้งปีกำหนดว่าจะมีเบี้ยรับที่ 10,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี ช่วงนี้อ้ตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง บริษัทฯ จะต้องมีการตั้งสำรองเบี้ยประกันภัยมากขึ้น ยกตัวอย่างหากอัตราดอกเบี้ยลดลง 1 สตางค์ ก็ต้องตั้งสำรอง 12 ล้านบาท ขณะนี้บริษัทฯ มีการตั้งสำรองแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ที่ทำให้บริษัทฯ มีความแข็งแกร่งแข็งแรงมั่นคงมากยิ่งขึ้น
แต่อย่างไรก็ดี จากนโยบายภาครัฐกำหนดให้พิจารณา Net Present Value (มูลค่าปัจจุบันสุทธิ) ซึงส่งผลกระทบต่อการปล่อยกู้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้น บริษัทฯประกันภัยก็จะกระทบตามไปด้วยในหลายประเด็น โดยเฉพาะการขยายงานในช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ ประเภทประกันสินเชื่อบ้าน ได้แก่ 1.อัตราสินเชื่อของแบงก์ไม่เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ เพราะติดปัญหาจากภาครัฐจึงไม่สามารถปล่อยเงินกู้ให้กับประชาชนที่มีความต้องการจะซื้อบ้านได้ เมื่อสินเชื่อชะลอตัว งานรับประกันภัยก็หดตัวไปเป็นเงาตามตัว
โดยบริษัทฯ ประเมินแล้วว่าเบี้ยประกันหดตัวไปกว่า 30% ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ดังนั้น จึงปรับกลยุทธ์ในการขยับไปจับตลาดประกันประเภทสามัญเซฟวิ่ง แต่ก็ติดปัญหาที่อัตราดอกเบี้ยขาลง จึงต้องยุติการขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตบางตัว และหันกลับมาดูว่าจะต้องปรับใช้สินค้าประเภทไหนที่ตั้งสำรองน้อยที่สุด สรุปคือ แบบประกันบำนาญ ซึ่งก็ไม่ได้ขายง่าย และไม่ได้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้เอาประกันมากนัก ใตขณะเดียวกันบริษัทต้องตั้งสำรองมากกว่าปกติด้วย
ประการที่ 2 การประกาศใช้ตารางอัตรามรณะใหม่ ที่ส่งผลกระทบต่อราคาเบี้ยประกันชีวิตลดลงไป 30% ก็นับว่าเป็นผลดีต่อผู้เอาประกันภัย อย่างไรก็ดี คาดว่าในไตรมาสสุดท้ายนี้ ทางภาครัฐจะมีโครงการต่างๆ ให้ทางธนาคารเข้ามารองรับ รวมทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนผันกฎระเบียบในการปล่อยสินเชื่อ เพื่อให้สอดคล้องกับการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีของภาครัฐเช่น สินเชื่อสุขสันต์ เป็นต้น จึงคาดว่าประกันชีวิตจะกลับมากระเตื้องขึ้นในช่วงโค้งสุดท้ายอย่างแน่นอน