WELCOME TO SEQUEL ONLINE (ซีเคว้ล ออนไลน์)
วันอาทิตย์ ที่ 24 พฤศจิกายน 2567 ติดต่อเรา
หลักสูตรการศึกษานานาชาติอังกฤษดีอย่างไร?

23 กันยายน 2562 : เป็นที่สงสัยในใจของพ่อแม่ว่าหลักสูตรการศึกษานานาชาติล้ำๆของฝั่งอังกฤษ (UK) ดีอย่างไร ทำไมหลักสูตรการเรียนการสอนของอังกฤษ จึงเป็นที่นิยมมากที่สุดในโลก โดยจากข้อมูลของ International School Market Research and Trends พบว่า ในปี 2561 มีโรงเรียนนานาชาติกว่า 3,500 โรงเรียน จากราวหนึ่งหมื่นโรงเรียนทั่วโลก หรือกว่า 30 % ใช้ระบบการเรียนสอนของอังกฤษ ในขณะที่การเรียนการสอนแบบ Bilingual, US และ IBDP ก็เป็นที่นิยมรองลงมาตามลำดับ ยิ่งรู้มากเท่าไรยิ่งได้เปรียบสำหรับการฟันธงว่าลูกเราจะเหมาะกับหลักสูตรแบบไหน การวางแผนตั้งแต่แรกสามารถการันตีโอกาสในการเข้ามหาวิทยาลัยระดับโลกได้อย่างแน่นอน!

บุคคลที่เข้าใจหลักสูตรการศึกษานานาชาติระบบอังกฤษได้ดีที่สุด ก็คือ มร. มาร์ค แมคเวย์ (Mr. Mark McVeigh) ครูใหญ่โรงเรียนเด่นหล้า บริติช สคูล (Denla British School – DBS) ซึ่งเป็นโรงเรียนนานาชาติชั้นนำของประเทศไทย ส่วนคุณแม็คเวย์ ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาและมีประสบการณ์การสอนอย่างครอบคลุมและรอบด้านมานานเกือบ 30 ปี ประสบการณ์ทำให้คุณแมคเวย์เชื่อว่า ก่อนที่พ่อแม่จะเลือกโรงเรียนให้กับลูก สิ่งสำคัญคือพ่อแม่จะต้องศึกษาทั้งระบบการศึกษา แนวคิดและหลักการ และคุณภาพครูของโรงเรียนนั้นๆ

หลักสูตรนานาชาติอังกฤษ (UK Curriculum)

ลักษณะการเรียนในหลักสูตรนานาชาติอังกฤษ ที่มุ่งเน้นการอิงทักษะของนักเรียนเป็นสำคัญ ทำให้นักเรียนได้คิดและตั้งถามในระดับที่ลึกและเข้มข้นกว่า ซึ่งบ่อยครั้งนำไปสู่การตั้งคำถามเพื่อค้นคว้าหาตัวตนของตัวเองและในบริบทของโลก ดังนั้นจึงหมายความว่าหลักสูตรนี้ได้เตรียมพร้อมให้นักเรียนสำหรับการศึกษาในอนาคตที่มีมากกว่าผลการสอบตามรายวิชา

ระบบการเรียนการสอนของอังกฤษเหนือกว่าระบบการศึกษาอื่นและเป็นระบบการศึกษาที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานที่สุด

ลักษณะเด่นที่สุดของหลักสูตร การศึกษาระบบอังกฤษคือ นักเรียนจะต้องมีความเป็นปัจเจกบุคคล หลักสูตรออกแบบมาเพื่อดึงศักยภาพของเด็กได้อย่างเข้มข้น ตรงจุด และมีประสิทธิภาพ ซึ่งการเรียนทั้งหมดจะไปเฉือนกันที่สุดคือตอนเด็กอายุประมาณ 12-14 ปี อยู่ในชั้นมัธยมต้น หรือชั้น Year 9 – 11 เป็นช่วงเวลาที่มีเด็กกำลังเจริญวัยเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น เด็กจะเริ่มมีความสับสนในความเป็นตัวเอง พวกเขาอาจจะดื้อรั้นกับพ่อแม่แบบไม่มีเหตุผลใด ซึ่งคุณครูใหญ่โรงเรียน DBS บอกว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นพัฒนาการที่ปกติ นั่นคือเขากำลังเข้ากระบวนการค้นหาตัวเองแล้ว ดังนั้นระบบอังกฤษจึงเกี่ยวข้องกับการเตรียมพร้อม ให้เด็กๆสามารถค้นหาความชอบความสนใจของตนเองและพัฒนาลักษณะนิสัยของตนเอง

การตัดสินใจเกี่ยวกับอาชีพ

ระบบอังกฤษจะให้เด็กเลือกเรียนวิชาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้เพื่อให้ตอบสนองต่ออาชีพที่หลากหลาย โดยปกติแล้วนักเรียนจะได้เรียน 9-11 วิชาไปจนถึงอายุ 16 ปี ในขณะที่หลักสูตรระบบอื่นนั้นจะให้เรียนวิชาจำนวนน้อยกว่า ยกตัวอย่างเช่นได้เรียนเพียง 5 วิชาเท่านั้น หลักสูตรระบบอังกฤษจึงเป็นการมอบทางเลือกในการเรียนแก่นักเรียนให้มากเท่าที่จะมากได้

ซึ่งเมื่อเด็กเรียนไป 9 วิชาแล้วมาเจอว่า ชอบ 4 วิชา ไม่ชอบ 5 วิชา ระบบอังกฤษจะบอกว่า ให้เรียนให้ดีครบ 9 วิชาไปก่อน ผลก็คือเด็กจะรู้ว่าสิ่งที่ไม่ชอบแต่ทำได้คือวิชาอะไร และสิ่งที่ชอบด้วยและทำได้ด้วยคือวิชาอะไร นอกจากนี้ยังหมายความว่านักเรียนจะมีเวลามากขึ้นในการตระหนักว่าความจริงแล้วตนเองนั้นชอบวิชานี้ แม้ว่าในตอนแรกคิดว่าตัวเองจะไม่ชอบก็ตาม

และเมื่อเรียนไปถึงชั้น A Level ก็คือ Year 13 หรือชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เด็กจะเรียนวิชาน้อยลงไปเลย จะเหลือเพียง 3-4 วิชาเท่านั้น ช่วงนี้เด็กจะรู้แล้วว่าตนชอบอะไรมากที่สุดและตนเก่งในด้านใดมากที่สุดด้วย ดังนั้นการให้เด็กได้โฟกัสสิ่งที่ใช่ที่สุดไปเลยจึงเป็นวิธีที่เหมาะสม คุณแมคเวย์บอกว่าสิ่งที่นักเรียนเรียนพื้นฐานสำหรับชีวิตนักเรียนในอนาคตตอนเรียน GCSE ส่วนตอนเรียนน A Level ก็สามารถบอกทิศทางที่นักเรียนจะไปต่อได้ โดยอิงจากความสนใจและความสามารถของพวกเขา ระบบอังกฤษจึงเรียนมหาวิทยาลัยกันเพียง 3 ปีก็พอ เพราะได้เรียนอย่างเข้มข้นเจาะลึกมาตั้งแต่ตอนเรียน A Level แล้ว

เด็กจะได้เรียน Self-Study ที่เอาไปใช้ประโยชน์ได้ไปตลอดชีวิต

คุณครูใหญ่โรงเรียน DBS เล่าต่อว่า อีกคอนเซ็ปต์ของหลักสูตรอังกฤษก็คือ จะมุ่งเน้นการเรียนการสอนไปพร้อมกับให้เด็กเรียนแบบค้นหาด้วยตัวเอง เมื่อขึ้นชั้น A Level จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างสมดุล การสอนจะน้อยลงและการเรียนด้วยตัวเองจะมีเพิ่มมากขึ้น นักเรียนจะได้โฟกัสในวิชาที่ตนสนใจมากที่สุดและยิ่งทำให้เด็กต้องใช้ความสนใจของตัวเองจริงๆมากขึ้นไปอีกในการค้นคว้าข้อมูล ทำรายงาน ทำโปรเจ็คท์ต่างๆ ข้อดีที่สุดคือ เด็กที่ผ่านการเรียนลักษณะนี้ จะปรับตัวได้ทันทีและคล่องมากเมื่อก้าวสู่ระดับมหาวิทยาลัย เพราะการเรียนด้วยตัวเองเป็นรากฐานที่สำคัญของการเรียนในทุกๆมหาวิทยาลัย เมื่อนักเรียนโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ประกอบอาชีพการงานและเมื่อถึงเวลาที่พวกเขาต้องเปลี่ยนอาชีพ พวกเขาก็สามารถใช้การเรียนรู้ด้วยตนเองที่ฝึกมาและสามารถเปลี่ยนอาชีพได้อย่างง่ายดาย ทักษะนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงเร็ว

เด็กที่เรียนในระบบอังกฤษ เมื่อฝึกฝนตัวเองกับการ Self-Study มา ก็จะมีทักษะเรื่องนี้แน่นอยู่ ไม่ว่าจะทำอะไร พวกเขาก็จะทำมันด้วยความรัก ส่งผลให้งานออกมาสำเร็จลุล่วงด้วยดี คุณแมคเวย์จึงได้สรุปไว้ว่า “การเรียนรู้ที่ยั่งยืนที่สุดคือการเรียนรู้อย่างอิสระด้วยตนเอง”

ในความเก่งของหลักสูตรอังกฤษ ยังมีหลักสูตรที่เจ๋งที่สุดคือ หลักสูตรของโรงเรียนเอกชนอังกฤษ

คุณครูใหญ่โรงเรียน DBS อธิบายว่าระบบอังกฤษนั้นยังแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ หลักสูตรโรงเรียนเอกชนอังกฤษ (independent/private schools) และหลักสูตรโรงเรียนรัฐบาลอังกฤษ (state schools) ซึ่งหลักสูตรของโรงเรียนเอกชนอังกฤษจะเข้มข้นมากและแข็งแกร่งมากที่สุด จึงได้รับการยอมรับว่าหลักสูตรที่ดีที่สุดในระบบอังกฤษ DBS เป็นโรงเรียนนานาชาติที่มีการเรียนการสอนที่ได้รับการยกระดับโดยหลักสูตรโรงเรียนเอกชนอังกฤษ สอนโดยครูผู้มีประสบการณ์และเป็นเจ้าของภาษา 100%

โดยระบบเอกชนอังกฤษนี้มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนระบบใด คือ มุ่งเน้นการเรียนการสอนแบบ Personalised Learning เป็นการสอนที่เน้นการเคี่ยวกรำและเจาะรายละเอียดในนักเรียนแต่ละคน ตามทักษะและความชอบของเขา ส่วนวิธีการสอนจะมีตั้งแต่สอนเจาะจงเป็นรายบุคคลไปจนถึงสอนกลุ่มย่อยขนาดเล็ก โดยมีครูและผู้ช่วยครูเป็นผู้ดูแลการเรียนการสอน ที่สำคัญไม่ได้มีความเป็นเลิศเฉพาะด้านวิชาการเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมความสามารถรอบด้านให้เด็กได้ฝึกทดลองเพื่อค้นหา Talent ในตัวเองให้เจอ และอีกหนึ่งจุดเด่นคือ การเพิ่มการเรียนการสอนอีก 1.5 ชั่วโมงทุกวัน หรือที่เรียกว่าระบบ Extended Day

ซึ่งหมายถึงเด็กที่ DBS จะเรียนมากกว่าเด็กโรงเรียนนานาชาติโรงเรียนอื่นถึงเกือบ 8 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยที่ผู้ปกครองไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ชั่วโมงเรียนที่ยาวนานขึ้นมีความสำคัญเพราะมันช่วงส่งเสริมให้เด็กๆได้เลือกทำกิจกรรมต่างๆกว่า 60 รายวิชา ทั้งวิชาหุ่นยนต์ ดนตรี กีฬา เต้น การทำอาหาร และกิจกรรมส่งเสริมความเป็นผู้นำ นักเรียนจะได้โฟกัสในสิ่งที่ตนเองชื่นชอบมากยิ่งขึ้น รวมถึงการเข้าชมรม (Club) ต่างๆ และช่วงเวลาในการทำการบ้าน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับวันต่อไป ทั้งหมดนี้จะต้องอยู่ภายใต้ดูแลอย่างใกล้ชิดของคุณครูผู้เชี่ยวชาญ และถือเป็นการพัฒนาครบทุกด้านเพื่อให้เป็นมนุษย์ที่มีความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นตามเจตนารมย์ของโรงเรียนคือ “Nurturing Global Leaders”

“พ่อแม่ควรมีความมั่นใจในระบบการเรียนการสอนของอังกฤษ ว่าจะสามารถสร้างโอกาสที่ดีให้แก่ลูกของพวกเขา เพื่อที่พวกเขาจะได้ดึงศักยภาพของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่และมีความพร้อมในการเข้าสู่มหาวิทยาลัยและชีวิตในอนาคตต่อไป” คุณครูใหญ่โรงเรียน DBS กล่าวทิ้งท้าย

ไลฟสไตล์ ดูทั้งหมด



COPYRIGHT © 2016 SEQUEL ONLINE. ALL RIGHTS RESERVED.
FOLLOW UP