4 กันยายน 2562 : ภายหลังจากเข้ามาร่วมงานกับ เอไอเอ ประเทศไทย มร.อัลเจอร์ ฟัง Chief Executive Officer กว่า 4 เดือนที่ผ่านมา ล่าสุดได้มีโอกาสในการจับเข่าคุย เปิดหมดทุกเป้าหมาย ตอบหมดทุกประเด็นคำถาม
ปฐมบทของการสัมภาษณ์ : อัลเจอร์ ฟัง ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2562 ก่อนเข้ามารับตำแหน่งดังกล่าว อัลเจอร์ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป สาขามณฑลกวางตุ้งของเอไอเอ ประเทศจีน
อัลเจอร์ มีประสบการณ์ในการดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงหลายตำแหน่ง และมีผลงานที่โดดเด่นและประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งในธุรกิจประกันชีวิตมากว่า 25 ปี
อัลเจอร์ บอกว่า เป็นเวลากว่า 4 เดือนที่อยู่ในประเทศไทย ผมชอบวัฒนธรรมของไทย เป็นแรงบันดาลใจให้เปลี่ยนตัวเองไปในทางที่ดี ในเวลาว่างชอบเดินชมบรรยากาศหลากหลายสิ่ง รวมถึงบนท้องถนน ซึ่งไทยแตกต่างจากประเทศจีน เพราะจีนมอเตอร์ไซด์วิ่งไม่มาก แต่ที่ประเทศไทยมอเตอร์ไซด์เยอะมาก แต่ก็ไม่อันตราย เป็นสีสันอย่างหนึ่ง
2.มุมมองธุรกิจของแต่ละประเทศ??
ประเทศจีนมีความก้าวหน้าด้านอินโนเวชั่นอย่างรวดเร็วมาก มีระบบอีโคซิสเต็มซึ่งจีนนำหน้าไทยไปแล้ว บางบริษัทประกันขนาดใหญ่มีการสร้างโรงพยาบาล สร้างบ้านพักคนชรา เป็นของตนเอง เพราะฉะนั้นหากซื้อผลิตภัณฑ์ประกันกับเขาลูกค้าก็จะได้รับการดูแลอย่างครบวงจร ตลอดชีพ ซึ่ง หน่วยงานภาครัฐก็ให้การสนับสนุนเรื่องเหล่านี้ด้วย
ส่วนประเทศไทยยังมีความรู้ความเข้าใจด้านการประกันชีวิตค่อนข้างต่ำ โดยดูจากผู้ที่ทำงานในวัยอายุน้อยๆ ใช้เงินมากไป เก็บออมน้อยไปหน่อย จึงเป็นสิ่งที่ เอไอเอต้องช่วยเป็นที่ปรึกษาให้เขาเริ่มคิดถึงเรื่องการวางแผนการเงินให้มากขึ้น
เอไอเอ ประเทศจีนมีตัวแทน 40,000 คน ซึ่งตัวแทนเขาได้ไลน์เส้นขายได้เฉพาะมณฑล ไม่ได้ขายทั่วประเทศ แต่ปีหน้า 2563 จีนเปิดประเทศมากขึ้น คงจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลง และเอไอเอ จะสามารถเปิดสาขาได้มากขึ้น ปัจจุบันมี เอไอเอมีสาขา ที่กวางโจว และเจียงซู รวมถึง ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น ส่วนเอไอเอ ประเทศไทยมี 55,000 คน
3.การรักษาแชมป์ เอไอเอประเทศไทย ??
เท่าที่ผ่านมามีการพูดเยอะเรื่องการยึดมั่นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ถ้าหากเราเข้าใจลูกค้ามากขึ้น และสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์มาตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีขึ้น ตัวนี้จะช่วยให้เรารักษาความเป็นผู้นำในตลาดได้ และทางด้านตัวแทนต้องมีคุณภาพ นี่คือสาเหตุที่เอเอไอลงทุนเยอะมากในการพัฒนาโปรแกรมตัวแทนที่ปรึกษาการเงิน AIA Financial Advisor : FA
4. โปรดักส์ ยูนิตลิงค์ ตอบโจทย์ของลูกค้า ??
ยูนิต ลิงค์ Unit Link จะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แต่เฉพาะประเทศไทย แต่กับทั้งอุตสาหกรรม เนื่องจากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยต่ำมาก หากซื้อผลิตภัณฑ์ปกติเงินปันผลจะค่อนข้างต่ำ อาจจะไม่ตอบโจทย์ลูกค้าบางกลุ่ม ฉะนั้นหากย้ายพอร์ตมาที่ยูนิต ลิงค์ จะมีความสำคัญมากเนื่องจากลูกค้าได้รับโอกาสของผลตอบแทนที่สูงขึ้น รวมถึงปัจจุบันลูกค้าก็อยากมีตัวเลือก และทางเลือกเองในการวางแผนระยะยาว รวมถึงให้อิสระมากขึ้น เช่น แบบประกันของเอไอเอ อิสระ พลัส ดังนั้น ตัวแทนจะต้องมีความรู้ความเข้าใจ จะได้อธิบายให้ลูกค้าได้อย่างถูกต้อง
เอไอเอ มีความได้เปรียบ คือ เราสร้างยูนิต ลิงค์ มานานแล้วจึงสามารถบุกตลาดตรงนี้ได้ดีตั้งเป้าขยายงานอีกกว่า 20%
นอกจากนั้น กลุ่มผลิตภัณฑ์โรคร้ายแรง (Critical-illnesses : CI) ที่ให้ความสำคัญ เบี้ยประกันในกลุ่มโรคร้ายแรงสำหรับเอไอเอประเทศไทย สัดส่วนเบี้ยเข้ามาประมาณ 6% ถือว่าค่อนข้างต่ำ ซึ่งค่ารักษาพยาบาลประกัน CI แนะนำว่าอย่างทำควรมีทุนประกันที่ 2 ล้านบาท /ปี/คน ซึ่งเบี้ยประกันไม่แพง เมื่อย้อนดูลูกค้าเอไอเอ ที่ซื้อทุนประกันเฉลี่ยอยู่เพียง 8 แสนบาท/ปี เท่านั้น ถือว่ายังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลปัจจุบันมีราคาสูงมาก
ทั้งนี้ อีกส่วนหนึ่งที่มีผลต่อผลิตภัณฑ์โรคร้ายแรง คือ ความซับซ้อน หากทำผลิตภัณฑ์ให้คนเข้าใจง่ายขึ้น อาจจะสามารถทำให้คนเข้าถึงได้มากขึ้น
หากดูในหลายประเทศจีน เวียดนาม ประเทศพวกนั้นเขาขายประกันโรคร้ายแรง ความคุ้มครองมากกว่าไทยถึง 2 เท่า ซึ่งประกันชีวิตดีที่สุด ควรมีให้ถึง 10-15 เท่าของรายได้ เพื่อความมั่นใจในการปิดความเสี่ยงและความคุ้มครองได้เยอะ ส่วนประกันโรคร้ายแรงเริ่ม 2 เท่าก่อนก็ได้ เพราะช่วงที่ใช้ประกันโรคร้ายแรง อาจจะไม่มีรายได้ ฉะนั้นเงินพวกนี้สำคัญต้องมีไว้เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ต่อไปอย่างน้อย 2 ปี
ดังนั้น ถ้าดูฐานลูกค้า CI ที่มีทุนประกันอยู่เพียง 8 แสนบาท/คน หากพยายามผลักขึ้นไปเป็น 2 ล้านบาท สัดส่วนเบี้ยประกันจาก 6% น่าจะขยับขึ้นเป็น 12% ได้ ซึ่งเราไม่ได้มองเป็นโอกาสทางธุรกิจเท่านั้น แต่เรารู้ว่าคนที่ซื้อประกันโรคร้ายแรงจริงๆ ก็ยังมีไม่พอ ทำอย่างไรให้เขาเข้าใจและดูเรื่องการเติมความคุ้มครอง เพื่อปิดความเสี่ยง
5. CEO Vision เอไอเอ ประเทศไทย ??
1. ในเชิงธุรกิจตั้งเป้าให้เอไอเอ เติบโตได้ 2 เท่าภายใน 3 ปี ซึ่งเชื่อว่าเอไอเอประเทศไทย มีความพร้อมหลายๆ อย่างที่จะสนับสนุนให้เติบโต
2. FA PROGRAM ที่ลงทุนมานานจะเป็นตัวที่ช่วยให้เราสร้างธุรกิจได้ดีมาก
3. มีพาร์ทเนอร์ กับทาง ธนาคารกรุงเทพ ที่มีขนาดใหญ่มากของประเทศไทย ได้มีการพูดคุยกันถึงการช่วยกันขยายตลาดของลูกค้า ที่ยังมีความคุ้มครองที่ไม่มากพอ สิ่งเหล่านี้จะเป็นโอกาสของการเติบโตของธุรกิจได้
4. สำหรับตนเอง การเข้ามาในประเทศไทย อยากจะช่วยสร้างสิ่งบวกให้กับสังคม รวมถึงเป็นการช่วยสร้างบุคลากรใหม่ๆ ของเอไอเอ ให้แข็งแรงขึ้นด้วย
6. กรณีของการประกันภัยฉ้อฉล??
ต้องมองว่าเรากำลังซีเรียสเรื่องการแก้ปัญหาแค่ไหน เอไอเอ ประเทศไทย มีนโนบายที่จะไม่ยอมให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น แต่ต้องทำให้เข้าใจถึงมาตรฐานการทำธุรกิจที่ดี เป็นวัฒนธรรมของเอไอเอ และจะพยายามสื่อสารกับตัวแทนทุกระดับให้เข้าใจและปลูกฝังสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง รวมถึงหน่วยงานที่ดูแลด้านการบริหารความเสี่ยงก็ทำงานใกล้ชิดมากกับฝ่ายตัวแทน และระบบหลังบ้านที่ดีก็ช่วยให้ค้นพบเคสที่มีความฉ้อฉลได้ง่ายขึ้น
ส่วนหนึ่งพยายามเก็บเบอร์โทรศัพท์ของตัวแทน และลูกค้า เพราะเคยมีกรณีกลุ่มใหญ่เบอร์โทรตัวแทน เป็นเบอร์โทรลูกค้าหมด ที่อยู่เหมือนกันหมด ซึ่งตัวนี้ก็บ่งบอกว่าน่าจะมีความผิดปกติเกิดขึ้น แม้กระทั่งในส่วนงานตัวแทนเองก็มีฝ่ายกำกับการทำงานของตัวแทนด้วย และการที่ให้เข้าฝึกอบรมเป็นประจำด้วย
7. การดูแลลูกค้าที่ครบสัญญากรมธรรม์??
แต่ละปีจะมีลูกค้าที่ครบสัญญากรมธรรม์หลายหมื่นกรมธรรม์ ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ระยะยาว มูลค่าไม่มากนัก ซึ่งบริษัทฯ มีหน่วยงานดูแลตามความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงตัวแทนกลับไปคุยกับลูกค้าอย่างน้อยปีละครั้ง มีความต้องการอะไรเพิ่มเติมยังเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ได้โฟกัสเพียงแค่ลูกค้าครบอายุสัญญาแต่โฟกัสกับลูกค้าทั้งหมด ทั้งนี้ เป้าหมายปัจจุบันก็พยายามสร้างฐานลูกค้าใหม่ให้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
8. การบริหารตัวแทน??
การเป็นตัวแทนอย่างยั่งยืนต้องมีฐานลูกค้าอย่างต่ำ 200 คน นั่นหมายถึง 200 ครอบครัว ยังไม่รวมถึงเพื่อนๆ ของลูกค้าเหล่านั้นอีก เพราะฉะนั้นโอกาสในการขยายลูกค้าจะมีอย่างยั่งยืน เพราะหากลูกค้าน้อยแต่ซื้อเยอะ การจะซื้อเพิ่มบ่อยๆ ก็คงจะน้อยกว่าการมีฐานลูกค้าที่ใหญ่กว่า
ปัจจุบันตัวแทน FA 15% หรือประมาณ 7,500 คน สามารถสร้างผลผลิตได้ 30% ประสิทธิภาพการทำงานสูงถึง 2 เท่า และสิ่งที่มีความคาดหวังคือ อยากเห็นสัดส่วนตัวแทน FA เพิ่มจาก 15% เป็น 50% ของตัวแทนทั้งหมด 50,000 คน
9. ผลประกอบการ ?
ค่อนข้างพอใจกับผลประกอบการในครึ่งปีแรก 62 มาก ส่วนหนึ่งเพราะว่าสถานการณ์ในตลาดท้าทาย เอไอเอ ยังสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเบี้ยประกันรับรายใหม่ยังสามารถเติบโตได้ถึง 11% เบี้ยประกันรับรวมเติบโตขึ้น 5% (นับซิงเกิลพรีเมี่ยม 10%)