กรุงเทพฯ : นายสุขเทพ จันทร์ศรีชวาลา ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตรแท้ประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงทิศทางการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง 2559 ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับปี 2559 ไว้ที่ 3,069 ล้านบาท ยังคงยึดมั่นในแนวทางและนโยบายที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อมั่นว่าเป็นความถูกต้องและถูกทาง โดยจะมุ่งมั่นคิดค้นผลิตภัณฑ์ประกันภัยรูปแบบใหม่ๆ ออกสู่ตลาดให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชนได้ตัดสินใจเลือกได้ตรงใจมากที่สุด และยังเป็นการสร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้นแก่เจ้าของรถยนต์ที่ขับรถดี ไม่มีเคลม ซึ่งก็ไม่ควรที่จะต้องไปจ่ายเบี้ยฯ เต็มจำนวนแบบแพงๆ อีกต่อไป
โดยครึ่งปีหลังนี้เราได้จัดตารางการอบรมให้ความรู้ตัวแทนอย่างเข้มข้นและให้ความสำคัญกับตัวแทนทุกระดับจนถึงระดับผู้บริหารทีมงานฝ่ายขยายงานก็จะต้องมีการพัฒนาประสิทธิภาพและศักยภาพอยู่เสมอ เพื่อพัฒนาการบริการของบริษัทฯ ให้เกิดเป็นความประทับใจแก่ลูกค้าตลอดเวลา ให้สมกับ Slogan ของบริษัทฯ ที่ว่า “มิตรแท้ประกันภัย จริงใจเปิดเผย” และมิตรแท้ฯ พร้อมจะมอบความคุ้มครองที่ครอบคลุมอย่างคุ้มค่า เราจะเป็นเพื่อนแท้ที่อยู่เคียงข้างประชาชนตลอดไป
สำหรับผลการดำเนินงาน 6 เดือน (มกราคม – มิถุนายน 2559) ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับเบี้ยประกันภัยรับตรง ประมาณ 1,370 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ 1,090 ล้านบาท จากประกันภัย พ.ร.บ. ประมาณ 230 ล้านบาท และจาก Non-Motor ประมาณ 50 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเบี้ยประกันภัยรถยนต์ถึง 96% โดยมีอัตราการเติบโตราว 3.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558 โดยการเติบโตหลักมาจากการรับประกันภัยรถยนต์ที่เป็นกรมธรรม์ประเภท 1 และประเภท 3 รวม 6% และ 3% ตามลำดับ
ด้านผลิตภัณฑ์ความคุ้มครองนั้น บริษัทฯ ยังออกกรมธรรม์ด้วยเบี้ยประกันภัยที่ไม่แพงสำหรับกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ที่ขับรถดี เพื่อเป็นโอกาสให้ประชาชนได้ประหยัดเงินตั้งแต่ปีแรกที่ซื้อประกันภัยอีกด้วย อาทิ กรมธรรม์ประกันภัย ป1 ในตระกูล “มิตรแท้หนึ่งเดียว” รถเก๋ง เบี้ยฯ เริ่มต้นเพียง 7,900 บาท รถกระบะ เบี้ยฯ เริ่มต้นเพียง 8,900 บาท รถ SUV MPV เบี้ยฯ เริ่มต้นเพียง 9,900 บาท และรถเบนซ์ เบี้ยฯ เริ่มต้นเพียง 25,000 บาท เท่านั้น ด้วยวลีเด็ดที่ว่า “ถ้าคุณเป็นคนขับรถดี แล้วจะจ่ายเบี้ยฯ ป1 แบบแพงๆ ไปทำไม”
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับตัวแทนเป็นอย่างมาก มีการจัดอบรมสัมมนาเพื่อพัฒนาบริการ และเสริมความรู้ให้แก่ตัวแทนทั่วประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีตัวแทน 150,000 คน และสำนักงานตัวแทนอีกกว่า 1,300 แห่งทั่วทุกภูมิภาค
นายสุขเทพกล่าวต่อไปว่า เมื่อช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมาได้จัดทำแคมเปญสร้างกระแสบนโลกออนไลน์ สร้างคลิปไวรัล กันภัย “คนดีแบบนี้ ต้องมีที่ยืนในสังคม” เพื่อรับสมัครตัวแทนรุ่นใหม่ๆ ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เฟ้นหาตัวแทนคุณภาพรุ่นใหม่ ที่มีความซื่อสัตย์ จริงใจ รักความถูกต้อง ความยุติธรรมและไม่มีเล่ห์เหลี่ยมเอาเปรียบสังคม เพื่อมาเข้าร่วมเป็นตัวแทนคุณภาพของบริษัท ฉลองการก้าวสู่ 70 ปี ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก มียอด Reach กว่า 16.18 ล้านครั้ง และยอด View กว่า 6.2 ล้าน Views โดยมีคนสนใจสมัครเป็นตัวแทนเพิ่มขึ้นพอสมควรจากแคมเปญนี้
ทางด้านข่าวลือ Blacklist บริษัทประกันภัยที่ยังคงวนเวียนอยู่ใน Social Media นั้น ก็ยืนยันว่าเป็นข่าวลือฯ ที่มีมานานกว่า 10 ปีแล้ว ปัจจุบันตัวแทนของบริษัทฯ ทุกคนต่างก็ได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบของข่าวลือฯ นี้มาโดยตลอด ตัวแทนบางคนกำลังจะขายกรมธรรม์ได้ แต่เมื่อลูกค้าเผอิญไปได้รับข่าวลือฯ นี้ก็เปลี่ยนใจไม่ซื้อกรมธรรม์ ลูกค้าบางคนก็ไม่กล้าตัดสินใจที่จะซื้อประกันภัยของมิตรแท้ฯ ด้วยเหตุผลที่ว่าไปเห็นข่าวลือฯ นี้ก็บ่อยครั้ง ซึ่งทางตัวแทนก็จะต้องพยายามชี้แจ้งข้อเท็จจริงว่าข่าวลือฯ นั้นไม่เป็นความจริง เป็นข่าวลือฯ ที่เก่าแก่ดึกดำบรรพ์มานานมากแล้ว
พร้อมกับแสดงข้อมูลสถานะความมั่นคงขององค์กรเพื่อเรียกความมั่นใจของลูกค้ากลับมาให้ได้ โดยลูกค้าบางรายก็มีความเชื่อมั่นมากขึ้นและเป็นลูกค้าของมิตรแท้ฯ ในที่สุด แต่ก็มีจำนวนมากทีเดียวที่ลูกค้าไม่ยอมเชื่อข้อเท็จจริงที่ตัวแทนพยายามชี้แจงเลย และปฏิเสธที่จะเลือกใช้บริการของมิตรแท้ฯ ไปเลย ทั้งๆ ที่องค์กรมีความมั่นคงทางธุรกิจมากกว่า 70 ปี สถานะทางการเงินแข็งแกร่ง และมีทุนจดทะเบียนสูงถึง 1,618,425,000 บาท
ดังนั้น จึงตัดสินใจฟ้องผู้แชร์ข่าวลือ Blacklist นี้อย่างเด็ดขาด โดยจัดแถลงข่าวการฟ้องจำเลยรายแรกไปแล้วเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 ส.ค. 2558 ณ ศูนย์ประชุมสัมมนา The Connection ถนนรัชดาภิเษกและดำเนินการฟ้องผู้แชร์รายอื่นๆ ไปแล้วทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันนับ 10 รายและกำลังเตรียมส่งศาลฟ้องเพิ่มเติมอีกเกือบ 10 รายเร็วๆ นี้ ซึ่งจำเลยทุกรายล้วนถูกศาลตัดสินให้ต้องชดใช้เงินและประกาศข้อความขอโทษต่อการกระทำที่ได้แชร์ข่าวลือฯ เหล่านั้นต่อๆ ไปทั้งสิ้น
จากกรณีการฟ้องจำเลยทุกรายมาอย่างต่อเนื่องนี้นั้น ขอให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ที่ใช้งาน Social Media ทุกๆ ช่องทาง ก่อนที่จะส่งต่อข้อความใดๆ ควรจะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนเสียก่อน หรือ ถ้าหากไม่มั่นใจก็ไม่ควรส่งต่อไปเป็นอันขาด เนื่องจาก พรบ. ว่าด้วยการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ระบุไว้ชัดเจนว่าไม่ว่าจะเป็นผู้พิมพ์ หรือ ผู้ส่งต่อข้อความอันเป็นเท็จทางคอมพิวเตอร์แล้วสร้างความเสียหายต่อองค์กร หรือ บุคคลอื่นจะต้องได้รับโทษทางกฎหมายแน่นอน
ซึ่งหลักฐานข้อความต่างๆ ที่ส่งออกไปนั้นก็แสดงความเป็นตัวตนของผู้ส่งอย่างชัดเจนอยู่แล้ว จึงเป็นการยากที่จะปฏิเสธการกระทำของตนเองด้วย โดยเฉพาะข่าวลือ Blacklist บริษัทประกันภัย ถ้าหากส่งต่อเมื่อใดก็จะมีความผิดทันทีเพราะเป็นข่าวลือที่มีข้อความอันเป็นเท็จ 
