กรุงเทพฯ 26 สิงหาคม 2562 : แม้ว่าในปี 2562 เทคโนโลยีด้านการประกันภัย (InsurTech) จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีการระดมทุนเพิ่มขึ้นถึง 155% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อีกทั้งจำนวนของบริษัทที่ให้บริการด้าน InsurTech จะขยายตัวขึ้นอีกกว่า 100 แห่งทั่วโลก แต่มีเพียงไม่กี่บริษัทเท่านั้นที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น “InsurTech เต็มรูปแบบ” ที่สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างครบวงจร
สำหรับภูมิภาคเอเชีย บริษัทที่ให้บริการด้าน InsurTech ยังมีไม่มากนัก ยกตัวอย่างเช่น บริษัท “Acko” ซึ่งตั้งอยู่ ในประเทศอินเดีย เป็นผู้ให้บริการประกันภัยรถยนต์มากกว่า 200,000 คัน ซึ่งต้องพึ่งพาบริการจากบริษัทภายนอกในการดูแลและจัดการผลิตภัณฑ์ประกันขนาดเล็กเป็นหลัก หรืออย่างบริษัท “Digit” ที่รับทำประกันภัยทุกประเภทตั้งแต่โทรศัพท์มือถือจนถึงรถยนต์โดยเน้นเรื่องการเคลมที่รวดเร็ว และราคาที่ถูก
ในขณะเดียวกัน บริษัทประกันภัยออนไลน์แห่งแรกของประเทศจีน “Zhong An” ก็ถือเป็นอีกผู้เล่นรายสำคัญของภูมิภาคเอเชียที่นำเสนอแพ็คเกจ บริการประกันภัยด้านอสังหาริมทรัพย์และประกันอุบัติเหตุแบบครบวงจร เทรนด์ของการนำเอาระบบ Machine Learning เข้ามาใช้กำหนดมาตรฐานการตั้งราคาของผลิตภัณฑ์ด้านประกันภัยกำลังได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นจากทั่วโลก ถือเป็นแนวทางใหม่ที่ถูกนำมาทดแทนการใช้ระบบประเมินราคารูปแบบเดิม ที่ต้องพึ่งพาข้อมูลจากอดีตบวกกับการตัดสินใจของผู้พิจารณารับประกันภัยเป็นหลัก ซึ่งในปัจจุบันแนวทางนี้ไม่สามารถเข้าถึงความต้องการของลูกค้าแต่ละรายได้อีกต่อไป
สำหรับในประเทศไทย Sunday (ซันเดย์) ได้เริ่มนำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้ในการสร้างและทดสอบระบบบริหารจัดการความเสี่ยง บนแพลตฟอร์มของศูนย์ข้อมูลวิทยาศาสตร์ที่เปิดให้ใช้งานแบบโอเพนซอร์ส นอกจากนี้ยังมีการนำตัวแปรต่างๆ มากกว่า 500 ตัวแปร มาใช้ในการคำนวณแบบเรียลไทม์ ร่วมกับโมเดล Machine Learning มากกว่า 10 รูปแบบ โดยความเสี่ยงแต่ละรูปแบบจะถูกประเมินตามนัยสำคัญเชิงสถิติ (Statistical Significance) และความน่าจะเป็นของตัวแปรแต่ละตัว ซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากการวิเคราะห์ต้นทุนความเสี่ยงที่แม่นยำ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแบบเฉพาะตัวบุคคล (Personalization) ได้อย่างแท้จริง
ผลิตภัณฑ์ประกันภัยทุกประเภทในแพลตฟอร์มของ Sunday ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI และการวิเคราะห์ข้อมูลที่แม่นยำ โดยมีจุดเด่นด้านความสามารถในการคำนวณข้อมูลได้หลายพันล้านรายการแบบเรียลไทม์ ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทประกันทั่วโลกน้อยแห่งที่สามารถทำได้สำเร็จ นอกจากนั้นลูกค้ายังสามารถเลือกความคุ้มครองและราคา ที่เหมาะสมกับตนเองผ่านระบบการใช้งานอันเรียบง่าย โดยสามารถแสดงผลและปรับเปลี่ยนรายละเอียดได้ทันที ซึ่งอีกไม่นาน แพลตฟอร์มนี้อาจนำไปสู่แนวทางในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น อันเนื่องมาจากความเสี่ยงใหม่ที่มีเพิ่มขึ้นและสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนไป
สำหรับการประกันภัยรถยนต์ของ Sunday ระบบจะนำข้อมูลทั่วไปของผู้ใช้ อาทิ อายุผู้ขับขี่ รุ่นของรถยนต์ ข้อมูลประวัติการเกิดอุบัติเหตุในอดีต มาผสมผสานกับข้อมูลที่ได้รับมาจากปัจจัยภายนอกอย่างจำนวนการเกิดอุบัติเหตุในแต่ละพื้นที่ที่ผู้ใช้อาศัยอยู่เพื่อให้การคำนวณราคาสมบูรณ์และแม่นยำมากยิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้ Sunday กำลังนำเอาระบบ Machine Learning ที่คล้ายกันมาประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์ด้านการประกันสุขภาพแบบกลุ่ม โดยนำเอาข้อมูลจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่ข้อมูลสถิติประชากรไปจนถึงอัตราการเข้าถึงการดูแลสุขภาพมาใช้ในการคำนวนราคาเช่นกัน
Sunday Health for Business เป็นการประกันสุขภาพสำหรับธุรกิจที่ช่วยให้พนักงานสามารถปรับเปลี่ยนความคุ้มครองได้เองภายใต้งบประมาณที่กำหนด ไม่ว่าจะเป็นการซื้อประกันเพิ่มเพื่อความคุ้มครองพิเศษอื่นๆ อาทิ บริการด้านทันตกรรม บริการด้านจักษุ หรือต้องการเพิ่มความคุ้มครองสำหรับบุคคลในครอบครัวของพนักงานก็สามารถทำได้ผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่พนักงานที่ต้องการใช้สิทธิ์รักษาพยาบาล ณ โรงพยาบาลในเครือข่ายโดยไม่จำเป็นต้องสำรองจ่ายค่ารักษาใดๆ หรือหากเป็นโรงพยาบาลนอกเครือข่ายพนักงานก็สามารถเคลมประกันได้ง่ายๆ เพียงอัพโหลดภาพถ่ายใบเสร็จผ่านแอปพลิเคชัน จากนั้นก็สามารถตรวจสอบสถานะการเคลมได้บนสมาร์ทโฟนของตนเอง
ผู้บริหารหรือเจ้าของธุรกิจสามารถใช้แพลตฟอร์มนี้จัดการข้อมูลพนักงานได้ง่ายขึ้นในกรณีมีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายพนักงาน ลดการเสียเวลาในการอัพโหลดข้อมูลกรมธรรม์เป็นรายบุคคลหากมีพนักงานเข้าใหม่จำนวนมาก โดยสามารถแก้ไขข้อมูลแพ็กเกจต่างๆ ได้สะดวกโดยไม่ต้องใช้เอกสารใดๆ สามารถดูสถิติการเคลมและตัวชี้วัดต่างๆ ผ่านหน้าจอ Dashboard ได้ทันที ช่วยให้ฝ่ายบุคคลสามารถวางแผนการประกันสุขภาพของพนักงานล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
“จากการที่ Sunday มุ่งเน้นการนำเอาเทคโนโลยี AI มาใช้ประมวลผลข้อมูลทำให้เราสามารถเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างครอบคลุม และสามารถปรับตัวไปตามแนวทางความเสี่ยงระดับโลกได้อย่างราบรื่น อย่างไรก็ตามการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงซับซ้อนอย่างประกันภัยรถยนต์และประกันสุขภาพ ก็ถือเป็นบททดสอบที่แท้จริงที่บริษัทประกันยุคใหม่จะต้องก้าวผ่านไปให้ได้” ซินดี้ กัว ผู้ร่วมก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซันเดย์ กล่าว
เมื่อปีที่ผ่านมา ทีมพัฒนาข้อมูลและเทคโนโลยีของ Sunday ได้รับรางวัลชนะเลิศในโครงการ AWS Hackathon ประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากการคิดค้นนวัตกรรมการประเมินความเสียหายของยานพาหนะด้วยตนเอง โดยใช้เทคโนโลยีการจดจำภาพเพื่อประมาณการต้นทุนการเคลม ซึ่งเทคโนโลยีนี้อาจนำมาประยุกต์ใช้งานเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าของ Sunday ได้ในอนาคต อีกทั้งในปีนี้ทีมพัฒนาข้อมูลและเทคโนโลยีของ Sunday ยังได้พัฒนาโซลูชั่นสำหรับการวิเคราะห์ภาพเอกซเรย์ทรวงอกอัตโนมัติ เพื่อช่วยนักรังสีวิทยาในการอ่านผลฟิล์มเอกซเรย์ได้แม่นยำยิ่งขึ้น จนได้รับรางวัลชนะเลิศในโครงการ AWS Hackathon Thailand เป็นครั้งที่สอง ซึ่งหากโซลูชั่นนี้เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายในอนาคต คาดว่าน่าจะสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้มากกว่า 15 ล้านคน ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซันเดย์ (Sunday) เป็นดิจิตอลแพลตฟอร์มที่ให้บริการประกันภัยในรูปแบบ InsurTech โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนความคุ้มครองได้เองตามความต้องการผ่านโมโดลการประเมินความเสี่ยง (Risk-Prediction Model) ด้วยเทคโนโลยี AI โดยในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซันเดย์ (Sunday) ได้รับการระดมทุนซีรีส์ เอ มูลค่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเวอร์เท็กซ์ เวนเจอร์ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอินเดีย (Vertex Ventures SEA and India) เครือข่ายนักลงทุนระดับโลกที่ลงทุนในสหรัฐอเมริกา จีน อิสราเอล อินเดีย และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในอนาคต ซินดี้ กัว คาดหวังให้ InsurTech ขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศ อาทิ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ และยังตั้งเป้าระดมทุนครั้งสำคัญอีกครั้ง เพื่อการขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นในปีหน้าอีกด้วย