19 สิงหาคม 2562 : นางสาวดุษณี เกลียวปฎินนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารผลิตภัณฑ์การรวม ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMBT เปิดเผยว่า ช่วงนี้ยังคงแนะนำนักลงทุนจัดพอร์ตการลงทุน เพื่อรับมือกับความผันผวนของตลาดหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย โดยการกระจายความเสี่ยงไปยังการลงทุนต่างๆ รวมถึงการลงทุนในกองทุนหุ้นระยะยาว LTF ปีสุดท้ายของการได้รับสิทธิทางภาษีไม่เกิน 15% ของเงินได้หรือไม่เกิน 500,000 บาท
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนที่เหลือของปีนี้ คาดว่า จะมีนักลงทุนที่ยังไม่เคยซื้อกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) หรือตัดสินใจซื้อกองทุน LTF ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เข้ามาลงทุนมากขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเม็ดเงินลงทุนที่เข้ามาในแต่ละปีประมาณ 50,000 ล้านบาท เนื่องจากกองทุน LTF ปีนี้เป็นปีสุดท้าย
สำหรับเม็ดเงินลงทุนผ่านกองทุน LTF ในช่วงเดือนที่เหลือของปีนี้ เชื่อว่า จะมีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาใกล้เคียงกับช่วงปีที่ผ่านมาที่ระดับ 30,000 ล้านบาท โดยคาดว่าเม็ดเงินลงทุนทั้งปีเติบโตที่ 50,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงปีที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน และเชื่อว่าธุรกิจจัดการกองทุน (บลจ.)จะแข่งขันในการดึงนักลงทุนเข้ามาลงทุนผ่านกองทุน LTF มากชึ้นด้วย
นางสาวดุษฎี กล่าวอีกว่า สำหรับกองทุนหุ้นยั่งยืน หรือ กองทุน SEF ที่จะมาทดแทนกองทุน LTF ที่จะครบอายุการให้สิทธิทางภาษีปีนี้นั้น ยังคงให้ผลตอบแทนที่ดีใกล้เคียงกับกองทุน LTF ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีตลอดระยะเวลา 7 ปฎิทินอยู่ที่ระดับ 8% แม้ว่าสิทธิทางภาษีของกองทุน SEF ไม่เกิน 30% ของเงินได้หรือไม่เกิน 250,000 บาท ก็ตาม แต่หลักทรัพย์ที่กองทุน SEF เข้าลงทุนล้วนเป็นหุ้นที่มีศักยภาพมีการติบโตในระยะยาว และเป็นหลักทรัพย์ที่นักลงทนต่างชาติเข้ามาถือครองเป็นหลัก
สำหรับกกองทุน SEF มีนโยบายในการลงทุน 65% ในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน บวกกับหุ้นที่มีความยั่งยืน และมีธรรมาภิบาล ส่วนที่เหลืออีก 35% ก็แล้วแต่ทางผู้จัดการกองทุนจะเลือกเข้ามา ขณะที่กองทุน LTF นโยบายการลงทุนจะต้องลงทุนในหุ้นไทยอย่างน้อย 65% ที่เหลือจะเป็นตราสารหนี้หรือหุ้นก็ได้
“ปีหน้าคาดว่าแข่งขันกันดุเดือน แต่คนที่ซื้อ LTF ระดับหลักแสนบาทคาดว่าซื้อกันหมดแล้ว แต่ตัวใหม่ SEF นี้จะจับอีกกลุ่มหนึ่ง ถ้าคนเคยซื้อเยอะๆ แล้วจะไปเพิ่มภาษีรวมถึงยังอยากได้ลดภาษีเท่าเดิมต้องหาการลงทุนประเภทอื่นเข้ามาเสริม ได้แก่ ประกันชีวิต ประกันมรดก ซึ่งปี 2563 คนจะเสียภาษีเพิ่มขึ้นอีกเยอะ เพราะจากเดิม 5 แสนบาท ลดเหลือ 2.5 แสน ฉะนั้นหากไม่ทำอะไร เงินที่ได้มาจากการลดหย่อนภาษีจะไม่มา ต้องคำนึงถึงการวางแผนภาษีให้ดี”นางสาวดุษฎี กล่าว
ดังนั้น การจัดพอร์ตการลงทุนต้องแบ่งเป็นหลายส่วน แนะนำว่า ส่วนแรก กระแสเงินสดที่ห้ามใช้ 2.ซื้อหุ้นกู้ทุกๆ เดือน เพราะผลตอบแทนจะได้รับในทุกๆ เดือน มีรายได้อย่างสม่ำเสมอ 3.ลงทุนเพื่อรับรีเทิร์น โดยจัดแบ่งพอร์ตลงทุนออกเป็น 2 แบบ คือ ลงทุนแบบยาว เช่นลงทุนหุ้นที่ยั่งยืน มีธรรมาภิบาลประมาณ 60-70% ส่วนอีก 30% ลงในหุ้นผันผวนที่มีผลตอบแทนดี รวมถึงการแบ่งเงินอีกส่วนไปลงทุนในทองคำ หรือลงทุนที่ดิน แต่ควรจะศึกษาภาษีที่ดินให้ดีด้วย