16 สิงหาคม 2562 : ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน์ กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนของปี 2562 มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 9,707.2 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.0 มีกำไรสุทธิจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่าย ในการดำเนินงานแล้ว 510.7 ล้านบาท รายได้สุทธิจากการลงทุน 870.9 ล้านบาท และมีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 1,381.6 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,258.2 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 11.82 บาท
สำหรับแนวทางการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับรวมปี 2562 ที่ 20,000 ล้านบาทนั้น บริษัทจึงมุ่งเน้นการรับประกันภัยอย่างมีคุณภาพ มีการควบคุมความเสี่ยงที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น โดยมีการพัฒนาระบบข้อมูลและ Business Intelligence ให้พนักงานเข้าถึงสถิติข้อมูลผลการรับประกันภัยของกรมธรรม์แต่ละประเภทได้อย่างสะดวกรวดเร็ว สามารถจำแนกได้ถึงระดับคู่ค้าหรือลูกค้าแต่ละราย เพื่อให้พนักงานมีข้อมูลประกอบการพิจารณมประกันภัยใหม่หรือต่ออายุกรมธรรม์ สามารถเสนอเบี้ยประกันได้อย่างเหมาะสม
ตลอดจนวิเคราะห์พอร์ตงาน ผลิตภัณฑ์และแพกเกจที่มีผลการรับประกันภัยที่ไม่ดี เพื่อปรับขึ้นเบี้ยประกันภัยเฉพาะ Segment ที่มีความเสี่ยงสูงให้เหมาะสม แทนการปรับขึ้นเบี้ยประกันแบบเหมารวมทั้งพอร์ต อีกท้้งยังให้ความสำคัญกับการจัดทำ Risk Survey ก่อนการพิจารณารับประกันภัย
นอกจากนี้ ยังเร่งออกผลิตภัณฑ์ Package ใหม่ๆ ที่เจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม ได้แก่ ประกันภัย 3 โรคกวนใจ ที่คุ้มครองไข้หวัดใหญ่ มือเท้าปาก และโรคร้ายแรงจากยุง และโรคไข้มาลาเรียหรือโรคไข้จับสั่น อีกทั้งยังมีเป้าหมายจะออกกรมธรรม์ใหม่ คุ้มครองสำหรับคุณแม่มือใหม่ ได้แก่ “กรมธรรม์ครรภ์เป็นพิษ” ซึ่งคุ้มครองการตั้งครรภ์ช่วง 40 สัปดาห์ เป็นต้น
ดร.อภิสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ ยังขยายงานออกสู่ต่างจังหวัดโดยจะเปิดสาขาใหม่อีก 3 สาขา ที่จังหวัด สมุทรสาคร สุพรรณบุรี และลำปาง ภายในไตรมาส 4 พร้อมกันนี้ ยังให้ความสำคัญกับการสร้าง Engagement กับลูกค้าและคู่ค้าอย่างต่อเนื่อง โดยนำระบบ CRM มาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ เช่น การจัดทำแผนเยี่ยมเยียนลูกค้า คู่ค้า งานต่ออายุ การจัดแคมเปญการขาย ตลอดจนการสร้างทัศนคติและอบรมพัฒนาให้พนักงานทำหน้าที่เป็น Risk Consultant หรือ Business Partner กับลูกค้าและคู่ค้ามากกว่าการเป็นเพียง Insurer โดยช่วงครึ่งปีแรกมีอัตราการต่ออายุกรมธรมม์ถึง 83%
อีกทั้ง บริษัทฯ ยังมีกานนำเทคโนโลยี AI มาช่วยให้บริการลูกค้าที่โทรเข้ามาแจ้งอุบัติเหตุและทำเคลมรถยนต์ทางโทรศัพท์ โดยการนำ Robot มาช่วยเพิ่ม Productivity ในการทำงานด้านรับประกันภัยให้รวดเร็วยิ่งขึ้น และกำลังพัฒนาปรับเปลี่ยน Core Business System (CBS) เพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต
ทางด้าน นายพนัส ธีรวณิชย์กุล กรรมการและที่ปรึกษาด้านการขยายธุรกิจ บมจ.กรุงเทพประกันภัย เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีการขยายตลาดเข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านอาเซี่ยน ขณะนี้มีความร่วมมือได้แก่ ประเทศกัมพูชา ตลาดโดยรวมมีเบี้ยประกันภัยรับในปีที่ผ่านมาเพียง 2,700 ล้านบาท โดยมีบริษัทประกันภัย 12 บริษัท โดยกรุงเทพประกันภัยเข้าไปร่วมทุนกับ บริษัท เอเซียอินชัวรันส์ (ประเทศกัมพูชา) จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 11% ขณะนี้มีกำไรกว่า 100 ล้านบาท
ส่วนทางด้านประเทศลาว มีเบี้ยประกันภัยรับรวมประมาณ 1,700 ล้านบาทเท่านั้น เนื่องจากยังเป็นประเทศเล็กที่มีประชากรเพียง 6-7 ล้านคน มีบริษัทประกันภัยจำนวน 20 แห่ง แต่ล่าสุดเพิ่มจำนวนเป็น 24 แห่งอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งกรุงเทพประกันภัยใช้ชื่อว่า บริษัท กรุงเทพประกันภัย (ลาว) จำกัด โดยเริ่มให้บริการมาตั้งแต่ปี 2560 ล่าสุดมีเบี้ยประกันรับประมาณ 100 ล้านบาท เริ่มมีกำไรประมาณ 18,000 เหรียญ หรือ 5.4 แสนบาท
ล่าสุด ภายในต้นปี 2563 บริษัทฯ จะเข้าไปเปิดสำนักงานตัวแทน (Representative office) ที่ประเทศเมียนมาร์ เนื่องจากยังเป็นประเทศที่มีการแข่งขันไม่สูงมากนัก จึงถือว่าเป็นโอกาสที่น่าเข้าไปลงทุน