7 สิงหาคม 2562 : นายดลเดช สัจจวีระกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เพื่อตอกย้ำความเป็น “ผู้นำคุณภาพบริการประกันภัย” และหนึ่งในกลไกที่สำคัญในการขับเคลื่อนก็คือ ตัวแทนประกันวินาศภัยของบริษัทฯ ซึ่งในปัจจุบันมีมากกว่า 4,000 คน และมีสำนักงานตัวแทนกระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วไทยอีก 300 กว่าแห่ง
สำหรับการขยายตัวแทนให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วไทย นับเป็นย่างก้าวครั้งสำคัญที่สุดของบริษัทฯ โดยในระยะแรกบริษัทฯ จะเปิดรับสมัครในพื้นที่เป้าหมาย รวม 13 จังหวัดด้วยกันคือ ภาคเหนือ ได้แก่ ลำปาง, น่าน, พิจิตร และ อุตรดิตถ์ ภาคตะวันออกฉียงเหนือ ได้แก่ กาฬสินธ์, มหาสารคาม, และศรีษะเกษ ภาคตะวันออก ได้แก่ สระแก้ว และจันทบุรี ภาคกลางและภาตตะวันตก ได้แก่ กาญจนบุรี และภาคใต้ ได้แก่ ตรัง, ชุมพร และภูเก็ต โดยตั้งเป้าขยายตัวแทนเพิ่มอีก 10% หรือประมาณ 400 คน ภายใน 2 ปี
อย่างไรก็ดี สัดส่วนยอดขายของบริษัทฯ แบ่งเป็น 50:50 งานในกรุงเทพฯ 50% และอีก 50% มาจากช่องทางตัวแทนและนายหน้า โดยบริษัทฯ แบ่งออกเป็น 5 ภาค ได้แก่ ภาค 1 ภาคเหนือ มีสัดส่วนงาน 11% ภาค 2 ตะวันออกเฉียงเหนือ 10% ภาค 3 ตะวันออก 16-17% ภาค 4 ภาคกลางและตะวันตก 13-14% และภาค 5 ภาคใต้ 7%
ทั้งนี้ ถือเป็นการสร้างเมล็ดพันธ์ุใหม่ตัวแทนวิริยะประกันภัย และเป็นต้นแบบของความเป็นมาตรฐานตัวแทนประกันวินาศภัยมืออาชีพที่แท้จริงในยุคดิจิทัล ซึ่งจะมีความแตกต่างไปจากมาตรฐานเดิมๆ ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และที่สำคัญการเพิ่มตัวแทนใหม่มิได้มุ่งหวังในเรื่องของปริมาณของตัวแทนใหม่รวมไปถึงยอดขาย แต่บริษัทฯ มุ่งเน้นเติมเต็มในพื้นที่ที่ตัวแทนเก่ายังไม่สามารถบริการการประกันภัยได้อย่างใกล้ชิดและทั่วถึง
“ในปีนี้บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการยกระดับมาตรฐานตัวแทนประกันวินาศภัย ภายใต้พันธกิจ “ยกระดับมาตรฐาน กระชับความสัมพันธ์ และเพิ่มเติมตัวแทนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทย” โดยการยกระดับมาตรฐานนั้น บริษัทฯ มุ่งเน้นให้ตัวแทนวิริยะประกันภัยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัยอย่างรอบด้าน ทั้งเรื่องประกันภัยรถยนต์ และการประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ และหมายรวมไปถึงความตระหนักในจริยธรรมและจรรยาบรรณของวิชาชีพ นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาสำนักงานตัวแทนประกันวินาศภัยที่มีอยู่กว่า 300 แห่งให้เป็นสำนักงานตัวแทนมาตรฐานที่มีภาพลักษณ์ทันสมัย พร้อมเทคโนโลยีสารสนเทศ เชื่อมโยงเป็นเครือข่ายหนึ่งเดียวกับบริษัท เพื่อให้การจัดการงานด้านบริการและงานขายที่มีประสิทธิภาพ” นายดลเดช กล่าวเสริม
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ จะเข้าไปสนับสนุนทั้งด้านเทคโนโลยีและเพิ่มพูนความรู้ให้กับตัวแทนแล้ว บริษัทยังได้มีการกระชับความสัมพันธ์เพื่อตอกย้ำความเป็นครอบครัวเดียวกันในการส่งมอบการบริการดีๆ ให้กับผู้เอาประกันภัย รวมไปถึงการร่วมกันคืนกำไรให้กับสังคม โดยเฉพาะการเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนที่สำนักงานตัวแทนตั้งอยู่ อันเป็นการดำเนินการที่จะได้ร่วมกันสานต่อเจตนารมย์ของผู้ก่อตั้งบริษัทฯ คือคุณเล็ก วิริยะพันธ์ ที่ว่า “ทำธุรกิจเพื่อสังคมที่ดีกว่า ไม่ใช่เพื่อหวังประโยชน์ส่วนตน โดยไม่สนใจผลกระทบต่อสังคม ธุรกิจที่ดีต้องมีกำไร แต่ต้องมีขอบเขต มีคุณธรรมที่เกิดประโยชน์ และไม่เอารัดเอาเปรียบกัน”
“สำหรับผลประกอบการในรอบ 6 เดือนแรกของปี (มกราคม-มิถุนายน 2562) บริษัทมีผลประกอบการรวม 19,218,708,635 บาท แบ่งออกเป็น ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ 15,718,822,048 บาท ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) 1,770,832,632 บาท ประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ 1,729,053,956 บาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนเพิ่มรวม 3%” คุณดลเดช กล่าวในที่สุด