22 กรกฎาคม 2562 : นายกัณห์ กุลอัฐภิญญา ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดในไทยภายใต้แบรนด์ ONETOUCH® เปิดเผยว่า หลังจาก ONETOUCH® ประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ถุงยางอนามัยรุ่น 003 (วันทัช ซีโร่ ซีโร่ ทรี) ที่ผลิตจากน้ำยางธรรมชาติ ซึ่งมีจุดเด่นด้านความบางที่สุดเท่าที่บริษัทฯ เคยผลิต และได้รับผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชื่นชอบถุงยางอนามัยแบบบางเป็นพิเศษ ดังนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ บริษัทฯ จึงมีแผนเปิดตัวถุงยางอนามัย ONETOUCH® รุ่นใหม่ในตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นสินค้าเรือธงตัวใหม่ที่จะผลักดันการเติบโตต่อจากถุงยางอนามัยรุ่น 003
ทั้งนี้ บริษัทฯ จึงได้เปิดตัวถุงยางอนามัย ONETOUCH® รุ่นใหม่ “มิกซ์ 3 พลัส” ที่เริ่มทำตลาดและวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายร้านค้าปลีกและช่องทางออนไลน์ เช่น Tops, Boots, Jiffy, Tesco Lotus ฯลฯ โดยผลิตภัณฑ์
รุ่นดังกล่าวบรรจุกล่องละ 3 ชิ้น ประกอบด้วย ถุงยางอนามัยผิวไม่เรียบ แบบปุ่มและขีด ผนังไม่ขนาน คาดว่าราคาจำหน่ายหน้าร้านจะอยู่ที่กล่องละ 70 บาท ด้วยจุดขายคือ มีส่วนผสมของสารช่วยลดความไวต่อความรู้สึกสัมผัส (สารเบนโซเคน) ซึ่งเป็นกลุ่มของผลิตภัณฑ์ถุงยางอนามัยที่กำลังเติบโตและคาดว่ามีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต
“ปัจจัยที่เราตัดสินใจเปิดตัวถุงยางอนามัย รุ่นมิกซ์ 3 พลัส ที่ผสมสารช่วยลดความไวต่อความรู้สึกสัมผัส พร้อมตั้งเป้าเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงใหม่ของแบรนด์ ONETOUCH® เพราะเรามองเห็นโอกาสทางการตลาดจากภาพรวมการเติบโตของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ ที่จะช่วยยืดระยะเวลาความสุขแก่คู่รัก นอกจากนี้ทีมการตลาดของเรายังพบว่า หนึ่งในปัญหาของคู่รักคือฝ่ายหญิงไม่กล้าบอกปัญหาดังกล่าวกับฝ่ายชายตรง ๆ ขณะที่ฝ่ายชายก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่ฝ่ายหญิงอยากจะสื่อสาร” นายกัณห์ กล่าว
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บมจ. ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ กล่าวว่า สำหรับการทำตลาดในช่วงครึ่งปีหลังได้วางแผนสื่อสารการตลาด ONETOUCH® รุ่น มิกซ์ 3 พลัส ผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในวัยทำงานหรือกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยวางเป้าหมายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยเพิ่มยอดขายแก่แบรนด์ ONETOUCH® ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ตลอดจนเป็นสินค้าเรือธงใหม่ที่จะส่งผลให้ ONETOUCH® สามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดถุงยางอนามัยเป็น 35% ภายในปี 2563 ตามเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค