14 กรกฎาคม 2562 : โครงการ อลิอันซ์ อยุธยาสานฝัน ปันสนามฟุตบอลให้น้องปี 5 ไม่ใช่แค่กิจกรรมเพื่อสังคมที่มีรูปแบบการบริจาคเท่านั้น แต่เป็น CSR ที่สร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการฟุตบอลไทยและส่งต่อพลังไปทุกส่วนของสังคม ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนในการส่งเสริมความฝันของเด็กไทยที่มีใจรักกีฬาฟุตบอลในโครงการ “อลิอันซ์ จูเนียร์ ฟุตบอลแคมป์” มาตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี และปีนี้ได้เป็นผู้สนับสนุนเยาวชนไทยไปท้าแข้งในการแข่งขันระดับโลก

โดยเป็นสปอนเซอร์หลักในโครงการ เอฟซี บาร์เยิร์น ยูธ คัพ ไทยแลนด์ 2019 นั่นเป็นเหตุผลที่อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต หันมาให้ความสำคัญกับการสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้กับนักกีฬา ผ่านการปรับปรุงสนามฟุตบอลหญ้าจริงที่มีมาตรฐาน ด้วยการปรับปรุงพื้นและบำรุงดิน ปูหญ้า ติดตั้งระบบน้ำพร้อมสปริงเกอร์ ปรับปรุงประตูฟุตบอล ติดตั้งป้ายบอกคะแนน เป็นต้น ภายใต้โครงการ “อลิอันซ์ อยุธยา สานฝันปันสนามฟุตบอลให้น้อง” ทำอย่างจริงจังมาเป็นปีที่ 5 แล้ว โดยทุ่มงบประมาณกว่า 11,500,000 บาท สร้างผลงานแห่งความภูมิใจไปทั่วทุกภูมิภาคของไทยมากถึง 28 สนาม

สำหรับปีนี้ โครงการฯ ได้เข้าปรับปรุงสนามฟุตบอลไปแล้ว 3 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนอนุบาลแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง โรงเรียนชุมชนบ้านปะโค จังหวัดหนองคาย โรงเรียนวัดอินทราราม “โกวิทอินทราทร” จังหวัดกาญจนบุรี และล่าสุดกับสนามที่ 4 โรงเรียนบ้านหนองขุ่นมิตรภาพที่ 136 จังหวัดชัยนาท ใช้งบประมาณสานต่อกิจกรรมเพื่อสังคมนี้จังหวัดละ 500,000 บาท รวม 2,000,000 บาท

ไบรอัน สมิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ตอกย้ำว่า โครงการ อลิอันซ์ อยุธยา สานฝันปันสนามฟุตบอลให้น้อง นับเป็นกิจกรรมเพื่อสังคมที่สะท้อนวิสัยทัศน์ “ปันความรู้สู่เด็กไทย” ในแนวคิด “Explore the Future with Us” ของอลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นแนวคิดหลักในการส่งเสริมเยาวชนให้มีแรงบันดาลใจและกระตุ้นพวกเขาออกไปค้นหาสิ่งใหม่ๆ รอบตัว

พร้อมคาดหวังให้เด็กไทยเดินตามฝันได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะมิติด้านกีฬาที่มีส่วนผลักดันสังคมให้เติบโตและมีพลัง ซึ่งกว่าจะเนรมิตสนามฟุตบอลหญ้าจริงพร้อมส่งมอบให้กับแต่ละโรงเรียนนั้น จำเป็นต้องผ่านการคัดกรองตามเกณฑ์อย่างเข้มข้น โดยผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงเรียนบ้านหนองขุ่นมิตรภาพที่ 136 ซึ่งเป็นสนามที่ 4 ของปีนี้ ได้แสดงสปิริตอย่างแรงกล้าถึงเป้าหมายในการพัฒนาฝีเท้านักฟุตบอลเยาวชนให้สามารถท้าแข้งในระดับอาชีพ และไปไกลถึงระดับโลกได้ เป็นโรงเรียนที่มีความพร้อมด้านพื้นที่ เป็นสนามศูนย์กลางการจัดแข่งขันกีฬาของชุมชน มีผู้ดูแลหรือบริหารจัดการในระยะยาว มีแหล่งน้ำเพียงพอที่สามารถนำมาใช้ดูแลสนามอย่างต่อเนื่อง มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมสำหรับการบำรุงรักษาในอนาคต และได้รับการสนับสนุนจากผู้ปกครองเยาวชน ตลอดจนมีเจตนารมย์ที่จะสรรค์สร้างประโยชน์ให้กับชุมชนรอบด้านด้วย

ในขณะที่ โค้ชแอมป์-รัตนชัย วันทอง ครูผู้สอนวิชาวิทยาศาสตร์ ครูผู้ฝึกสอนนักฟุตบอล โรงเรียนบ้านหนองขุ่นมิตรภาพที่ 136 และผู้ช่วยผู้ฝึกสอนสโมสรชัยนาท ยูไนเต็ด ยู 13 ปี เปิดเผยถึงความตั้งใจเสนอชื่อเพื่อขอเข้ารับการปรับปรุงสนามฟุตบอลของโรงเรียนว่า เมื่อเป้าหมายที่ตนฝันไว้คืออยากสร้างเด็กจังหวัดบ้านเกิด ทำให้เด็กชัยนาทมุ่งหน้าไปพัฒนาฟุตบอลไทยไปบอลโลก ดังนั้นการเริ่มต้นจากรากฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งสนามที่ดีก็เป็นปัจจัยหนึ่งในการพัฒนาเด็กให้เกิดทักษะและกระบวนการเรียนรู้ ทั้งยังสร้างแรงจูงใจและแรงกระตุ้นในการฝึกซ้อม ทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ส่งผลเชิงบวกต่อประสิทธิภาพในการแข่งขันตามไปด้วย

“หลังจากที่อลิอันซ์เข้ามาปรับปรุงพื้นที่ 2-3 สัปดาห์ ผมเห็นการเปลี่ยนแปลงของเด็กๆ พวกเขาสนุกกับการเล่นมากขึ้นและเห็นพัฒนาการดีขึ้นเรื่อยๆ เห็นความร่วมมือและการสนับสนุนของคนในชุมชน พ่อแม่ผู้ปกครองมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ส่วนผมเองในฐานะโค้ชก็จะพัฒนานักเตะเยาวชนให้เก่งขึ้นต่อไป ซึ่งต้องเริ่มตั้งแต่การปูพื้นฐานต้องทำตั้งแต่เด็กเล็กอนุบาล 6 ขวบกันเลย เพื่อให้มีความคุ้นเคยกับบอล ความสัมพันธ์ของร่างกาย ต่อเนื่องไปที่ถึงกลุ่มเด็กรุ่นหลังฝีเท้าดี เห็นพี่เป็นแบบอย่างก็มีความกระตือรือร้น

อยากพัฒนาฝีเท้าให้ได้อย่างรุ่นพี่ เพราะที่ผ่านมาทีมฟุตบอลของเราก็สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียน และอยากให้เด็กๆ มีประสบการณ์ในการเล่น ก็ลงหลายสนาม เป็นบอลเดินสาย ล่าแชมป์หลายรายการมาแล้วในระดับจังหวัด หน้าที่ของผมก็ต้องเร่งสร้างพื้นฐานเบสิกด้านฟุตบอลให้แน่นขึ้นและพัฒนาได้เร็ว หลังจากประยุกต์นำหลักสูตรทั้งจากสมาคมของไทย และปรับจากแผนการเล่นของญี่ปุ่นเพื่อถ่ายทอดต่อ ก็ยังจำเป็นต้องกระตุ้นให้เด็กฝึกซ้อมและเรียนรู้แทคติกที่ถูกต้องเพื่อเดินหน้าคว้าชัยมาให้ได้ และไปให้ถึงเป้าหมายที่จะพาเด็กไปสู่ระดับอาชีพอย่างที่พวกเขาต้องการ”

ในขณะที่ผู้ใช้สนามตัวจริงเสียงจริงอย่าง เด็กชายปิยะวัฒน์ อุ้ยสิงห์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่นในลีกเยาวชน 15 ปี นักฟุตบอลโรงเรียนในตำแหน่งกองหน้า และผู้สนับสนุนเกมบุกของทีมเล่นในปีกซ้ายและปีกขวา เป็นนักกีฬาโรงเรียน และระดับจังหวัด ก็แสดงความเห็นไปในทางเดียวกับโค้ชของเขา โดยกล่าวว่า ก่อนจะมีสนามฟุตบอลที่ปรับปรุงแล้ว ปิยะวัฒน์และเพื่อนๆ ต้องเล่นกับสนามดินที่มีฝุ่นดินฟุ้งกระจาย บ้างทำให้เสียสมาธิในการเล่น และเมื่อต้องเล่นอย่างจริงจังทุกวันและบ่อยครั้งอาจทำให้เสี่ยงกับโรคทางเดินหายใจติดขัดได้เหมือนกัน

บางคนก็ป่วยบ่อยส่งผลต่อการฝึกซ้อมไม่ต่อเนื่องสม่ำเสมอ นอกจากนั้นพื้นที่รอบขอบสนามยังเป็นหินและทราย เมื่อล้มบริเวณนั้นก็จะทำให้รู้สึกเจ็บและเกิดบาดแผลได้ง่าย และปิยะวัฒน์ ยังกล่าวต่อว่า มันเหมือนฝันเป็นจริงที่มีสนามปูหญ้าใหม่ ติดตั้งระบบน้ำใกล้เคียงกับมาตรฐานสนามแข่ง มันทำให้พวกเขาเตะฟุตบอลได้สนุกขึ้น เล่นบอลได้สะดวก และรู้สึกอยากมาซ้อมมากเป็นพิเศษ”

และไม่เพียงแค่กิจกรรมมอบสนามฟุตบอลที่ปรับปรุงใหม่นี้เท่านั้น ภายในงานยังมีการมอบอุปกรณ์กีฬา การแสดงทักษะการเล่นฟุตบอลอะคาเดมี่ กุมารทองจูเนียร์ พร้อมลุ้นระทึกกับฟุตบอลกระชับมิตรระหว่างทีมอลิอันซ์ อยุธยา กับทีมผู้นำชุมชนตำบาลหนองขุ่น และยังมีกิจกรรมแชร์บอลมหาสนุกระหว่างทีมอลิอันซ์ อยุธยากับทีมโรงเรียนบ้านหนองขุ่นฯ ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับทั้งคนในชุมชน รวมทั้งคณะผู้บริหารและพนักงาน อลิอันซ์ อยุธยา นับเป็นการปิดฉากโครงการที่สมบูรณ์สวยงาม