14 กรกฎาคม 2559 : งานศิลปะและวรรณกรรม สามารถถ่ายทอดเรื่องราวและความรู้สึกของผู้คนได้ทุกยุคทุกสมัย “นิทรรศการรู้คุณแผ่นดิน” นับว่าเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกนึกคิดของคนไทยที่มีต่อแผ่นดินไทยได้อย่างงดงาม โดยผ่านภาพวาด ความเรียง และหนังสั้น นิทรรศการรู้คุณแผ่นดิน เป็นหนึ่งในกิจกรรมของโครงการปลุกจิตสำนึกรู้คุณแผ่นดินปีที่ 5 ภายใต้แนวคิด “รวมพลังจงรักภักดี สามัคคีปกป้องสถาบันของชาติไทย” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-29 มิถุนายน 2559 ณ ลานสแควร์ บี และ ซี ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ผ่านมา
ภายในงานนิทรรศการฯ ได้จัดแสดงผลงานที่ชนะการประกวดและที่เข้าร่วมประกวดในด้านภาพวาด ความเรียงและหนังสั้น ของกิจกรรม “ปลุกนักคิด นักวาด นักเขียน ประชันความสามารถเพื่อชาติ” ซึ่งเป็นกิจกรรมหลักในโครงการปลุกจิตสำนึกรู้คุณแผ่นดินปีที่ 5 รวมกว่า 100 ผลงาน เป็นผลงานที่มาจากนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วประเทศที่ส่งเข้ามาประกวดเป็นจำนวนมาก และมากกว่าครั้งก่อน โดยในปีนี้มีจำนวนหนังสั้นถึง 300 เรื่อง ภาพวาด 700 ชิ้น และ ความเรียง 2500 เรื่อง พร้อมทั้งยังมีพิธีมอบรางวัลแก่ผู้ที่ชนะในแต่ละประเภท รวมมูลค่ารางวัลกว่า 1 ล้านบาท จำนวน 30 รางวัล อีกด้วย
ด.ช. ธรรพ์ธีรธรณ์ ธรรมเรื่องฤทธิ์ โรงเรียนบ้านกุลาธรรมเรืองฤทธิ์ จังหวัดอุดรธานี ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศภาพวาดในระดับประถมศึกษา-มัธยมศึกษาตอนต้น ได้กล่าวถึงแรงบันดาลใจในการวาดภาพในครั้งนี้ว่า “ผมอยากสื่อให้ชาวไทยร่วมแรงร่วมใจ ปกป้อง สถาบันพระมหากษัตริย์ ในภาพมีการจุดเทียนถวายพระพร เพื่อแสดงความจงรักภักดี และจุดเด่นในภาพนี้ มีในหลวงและพระราชินีในจอแท็บเล็ตครับ และรู้สึกดีใจมากครับที่ได้รางวัล คราวหน้าถ้ามีการจัดประกวดอีก ก็จะส่งอีกครับ”
สำหรับผู้ชนะเลิศ รางวัลภาพวาด ระดับประชาชนทั่วไป นายสุภชัย นาทีชัยชนะ จากจังหวัด นครนายก สะท้อนความคิดถึงภาพวาดของตนว่า “ต้องการถ่ายทอดถึงการรวมกันของส่วนที่สำคัญต่างๆ ของชาติไทยผ่านรูปลักษณ์ของชาติ คือ ธงชาติ แสดงถึงการปกป้องดูแลรักษาชาติไทย ผมไม่ได้คิดว่าภาพจะต้องได้รับรางวัลอะไร แต่ส่งผลงานเข้ารวมประกวด เพื่อที่จะสะท้อนแนวคิดของตัวเองถึงความสามัคคีของชาติเรา”
ด้าน ด.ญ. เก็จมณี กุ่มงาม ชั้น ม.2 โรงเรียนซับนกแก้ววิทยา จังหวัดสระแก้ว ได้รับรางวัลความเรียง รองชนะเลิศ อันดับ2 ระดับประถมศึกษา-มัธยมศึกษาตอนต้น เรื่อง “ความสามัคคีในประเทศไทย” ระบายความในใจว่า “ภูมิใจที่ได้รับรางวัล และภูมิใจที่ได้นำชื่อเสียงกลับไปสู่โรงเรียน และเห็นว่าความสามัคคีเป็นสิ่งสำคัญมาก โครงการนี้เป็นโครงการที่ดีที่ทำให้เยาวชนสำนึกรู้คุณแผ่นดิน สามัคคีกัน ซึ่งอยากให้โครงการหรือกิจกรรมแบบนี้เกิดขึ้นอีก เพราะว่าเป็นกิจกรรมที่ดี และอยากจะส่งผลงานเข้ามาประกวดอีกเหมือนกันค่ะ”
นางสาวณัฐวราภารณ์ อุดมไชย นักศึกษา จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้รับรางวัลชนะเลิศความเรียง ระดับอุดศึกษา ชื่อผลงาน “รวมพลังจงรักภักดี สามัคคีปกป้องสถาบันชาติไทย” ให้ความเห็นว่า “ในปัจจุบันเด็กส่วนใหญ่จะเล่น โซเชียล อยู่แต่ในโลกโซเชียล เป็นยุคโลกาภิวัฒน์ เลยลืมที่จะหันกลับไปมองว่า ที่ผ่านมาเด็กในสมัยก่อนจะเล่นกันเป็นกลุ่ม จึงเกิดความรักความสามัคคี แต่ปัจจุบันนี้เด็กที่มีแต่เทคโนโลยีเข้ามา ทำให้เกิดการแทรกแซงทางสังคม และทำให้สังคมเปลี่ยน คนเราจึงละเลยการทำงานเป็นกลุ่ม และเป็นอีกหนึ่งโครงการที่สร้างความรักและความสามัคคีให้กับคนในชาติได้อย่างดีค่ะ”
สำหรับภาพยนตร์สั้น ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ ในระดับอุดมศึกษา ผลงานเรื่อง District Wall โดยทีม BRAVO จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ นายกฤษฎา กันณรงค์ หัวหน้าทีม กล่าวว่า “เป็นภาพสะท้อนของวัยรุ่นไทย ที่มักจะก่อเหตุทะเลาะวิวาทกัน อาจจะมาจากสาเหตุต่างสถาบันการศึกษากัน แต่หากเราเอาความแตกต่างนั้นออกไปได้ เราก็จะสามัคคีกัน ช่วยเหลือกันครับ”
สำหรับ นายณัฐศักดิ์ พลศรี ตัวแทนจากทีมนาวาสามัคคี ได้รับรางวัลชนะเลิศ ระดับประชาชน ภาพยนตร์สั้น เรื่อง นาวาสามัคคี กล่าวว่า “เราอยากสื่อให้เห็นถึงความสามัคคีของไทย ที่มีอยู่ในสังคมไทย โดยในหนังสั้นของเราได้ถ่ายทำจากเรื่องที่เกิดขึ้นจริงของชุมชนไทยที่มาร่วมแรงร่วมใจกันทำขบวนแห่ไหลเรือไฟ ที่เป็นประเพณีทางพุทธศาสนา ในจังหวัดสกลนคร ที่ทุกคนมาด้วยใจอย่างแท้จริง และพร้อมใจกันประดับพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงโดยไม่มีใครบังคับ”
นอกจากภาพวาด ความเรียง และหนังสั้นที่บอกเล่าเรื่องราว และแนวคิดที่สะท้อนความเป็นไทยแล้ว ในงานนิทรรศการยังมีการแสดงบทเพลงและมินิคอนเสิร์ตที่แสดงถึงความรักและความสามัคคีของคนในชาติที่ยังมีอยู่ในสายเลือดของคนไทยอย่างไม่เสื่อมคลาย