2 กรกฎาคม 2562 : ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานเปิดงานสัมมนา InsurTech 2019 พร้อมปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “How to make Thailand to be an InsurTech startup Hub ?” โดยกล่าวว่า ปัจจุบันสภาพแวดล้อมของธุรกิจประกันภัยในยุคดิจิทัลมีความละเอียดและซับซ้อน จึงต้องหาวิธีการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีด้านการประกันภัยด้วยการบริหารจัดการที่ดีและที่สำคัญต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีประกันภัย
สำนักงาน คปภ. ได้ตระหนักและให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว โดยเห็นได้จากเมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 มีการจัดตั้ง Center of InsurTech, Thailand (CIT) เพื่อให้เป็นศูนย์รวมข้อมูลกลางแลกเปลี่ยนความรู้เทคโนโลยีประกันภัยในการพัฒนาอุตสาหกรรมประกันภัย โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับภาคอุตสาหกรรมประกันภัย และกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะกลุ่ม Start-Up ที่เป็นคนรุ่นใหม่ มีแนวคิดในการนำธุรกิจประกันภัยเชื่อมต่อเข้ากับเทคโนโลยี และการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวถือเป็นกลไกที่สำคัญในการทำให้เกิดนวัตกรรมประกันภัยใหม่ๆ ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงระบบประกันภัยได้โดยง่าย สะดวก รวดเร็ว รวมถึงมีผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างทั่วถึง
โดยสำนักงาน คปภ. มีแผนที่จะยกระดับศูนย์ CIT ให้เป็นหน่วยงานสำคัญที่จะขับเคลื่อนเทคโนโลยีด้านการประกันภัยให้กับประเทศในกลุ่ม CLMV+T เพื่อจะช่วยสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็น InsurTech Startup Hub เชื่อมโยงเครือข่ายกับภาคธุรกิจ Startup และ Tech firms ทั้งในและต่างประเทศ ผ่านมาตรการต่างๆ เพื่อสร้าง ecosystem ให้บริษัทประกันภัย และ InsurTech ทั้งหลายได้มีเครื่องมือ และโอกาสในการทำงานต่อยอดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ และการบริการใหม่ๆ ให้กับอุตสาหกรรม อาทิ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีประกันภัยระดับชาติ (National InsurTech Infrastructure) เพื่อรองรับการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ
ทั้งด้านการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (AI & Big Data) การบริการผ่านช่องทางใหม่ (New Channel) และการแบ่งปันและทำงานร่วมกัน (Open API & Collaboration) รวมทั้งการจัดตั้ง One stop service เป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำให้แก่บริษัทประกันภัย และ Startup ในทุกมิติ รวมถึงเป็น mentor ทั้งก่อนและหลังการเข้าทดสอบ Sandbox รวมถึงเป็นผู้ช่วยในการจับคู่ธุรกิจ (Business matching)
นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. ยังมีภารกิจที่สำคัญ คือ เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาธุรกิจประกันภัยและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี นั่นคือ ระบบฐานข้อมูลกลางด้านการประกันภัย (IBS) รวมถึงขยายขอบเขต Insurance Regulatory Sandbox เปิดโอกาสให้ Startup หรือ Techfirm ทำงานร่วมกับสำนักงาน คปภ. เพื่อเป็นการเพิ่มจำนวนผู้เล่นให้มากขึ้น และจะสนับสนุนให้บริษัทประกันภัยมี Sandbox ของตนเอง หรือเรียกว่า Own Sandbox รวมไปถึงการพัฒนาระบบ OIC Gateway ที่เป็นแพลตฟอร์มในการเชื่อมโยงข้อมูลของอุตสาหกรรมประกันภัย ให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างสำนักงาน คปภ. บริษัทประกัน และประชาชน ผ่าน Open API เพื่อให้การเชื่อมโยงและบริการข้อมูลมีความสะดวกและปลอดภัย
ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมประกันภัยใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นได้ด้วยความรวดเร็ว พัฒนาระบบสารสนเทศสนับสนุนงานด้านคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัย (Insured Right Protection Management System) จัดทำมาตรฐานกลางสำหรับการเขียนโปรแกรมผ่าน Web Service / Web Application / Mobile Application และพัฒนา Software จัดทำระบบตลาดกลางสำหรับการขายกรมธรรม์ ทางอิเล็กทรอนิกส์ (Insurance Market) รวมทั้งพัฒนาระบบการขอรับความเห็นชอบกรมธรรม์ประกันภัยผ่านอิเล็กทรอนิกส์ (I-SERFF) ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า การสัมมนา InsurTech ในปีนี้ได้เชิญวิทยากรภายในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญมาถ่ายทอดประสบการณ์ในหัวข้อที่น่าสนใจหลากหลายหัวข้อ อาทิ Building an Effective Employee Benefits and Healthcare Ecosystem, Recent Development in InsurTech, PasarPolis’s Mission to Democratize Microinsurance in SEA, How to Unicorns in Tech Business. ตลอดจนหัวข้อ Facebook Libra’s Cryptocurrency Case Study : Any Opportunity or Threats to Insurance Market or InsurTech ซึ่งเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอยู่ในขณะนี้
“ผมคาดหวังว่าเวทีสัมมนาในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมประกันภัยและนำองค์ความรู้จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ทั้งในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและประกันภัยจากทั้งในและต่างประเทศ นำไปต่อยอดและพัฒนาธุรกิจให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ”เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย