2 กรกฎาคม 2562 : หลังจากผ่านพ้นช่วงเวลาเฟ้นหา 10 ตัวแทนเยาวชนไทยฝีเท้าเด่นอย่างเข้มข้น เพื่อบินลัดฟ้าไปร่วมแข่งขันในรายการ FC Bayern Youth Cup World Final 2019 ณ อลิอันซ์ อารีน่า เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี ได้สร้างแรงบันดาลใจครั้งใหม่เกิดขึ้นในสังคม เพราะนอกจากโอกาสที่เยาวชนเหล่านี้จะได้เดินตามฝัน ทำให้เด็กไทยก้าวสู่วิถีนักเตะอาชีพได้อย่างภาคภูมิแล้ว พวกเขายังได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายที่จะกลายเป็นประสบการณ์อันล้ำค่า พร้อมถ่ายทอดต่อยอดพัฒนาวงการฟุตบอลไทยให้แข็งแกร่งได้จริง
ก่อนที่เยาวชนทั้งสิบคน ได้แก่ 1)ลีซอ – เดชานนท์ ศรีเมือง ซึ่งได้รับการโหวตให้เป็นกัปตันทีมเฉพาะกิจในครั้งนี้ และ 2)เกมส์ – ปฏิภาณ เตี้ยงสูงเนิน 3) โอ๊ต – เผด็จ แก้วมณี 4)ฟิว – เกริกพล อาบรัมย์ 5) เกมส์ – นรากรณ์ แก่งกระโทก 6)คีม – นิติพันธ์ สุกใส 7)คิว – พิทยา ใจยาว 8)กอล์ฟ – ธนกฤต ทองศรี 9)มิกซ์ – ศุภวิชญ์ มาน้อย และ 10)กอล์ฟ – ฌัฐกิตติ์ แสงคำ กับตำแหน่งผู้รักษาประตูพันธุ์อึด จะมีโอกาสเดินทางลัดฟ้าไปสัมผัสประสบการณ์ครั้งสำคัญของชีวิต
พวกเขาต้องคว้าโอกาสนั้นมาอย่างยากเย็น ต้องฝ่าด่านหินจาก มร.เคราซ์ เอาเกนธาเลอร์ ตำนานบาเยิร์นและแชมป์บุนเดสลีก้า 7 สมัย ซึ่งร่วมเป็นประธานคณะกรรมการคัดเลือก และต้องฟาดฟันกับเยาวชนกว่า 3,500 คนที่สมัครเข้าร่วมโครงการ FC Bayern Youth Cup Thailand 2019
โดยโครงการฯ นี้ได้ดำเนินการต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง สโมสรฟุตบอล บาเยิร์น มิวนิค บุนเดสลีก้า บริษัท สปอร์ตไทย-บาวาเรีย จำกัด กลุ่มวังขนาย และ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต โดยจะคัดเลือกนักเตะเยาวชนไทยที่มีฝีเท้าโดดเด่นที่สุดเพื่อเป็นตัวแทนทีมประเทศไทย เดินทางไปแข่งขันฟุตบอลในสนามระดับโลกอย่าง อลิอันซ์ อารีน่า สนามของยอดทีม FC Bayern Munich
นอกจากจะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์สุดประทับใจที่ได้พบปะตำนานผู้เล่นของบาเยิร์น มิวนิค อย่าง “มานูเอล นอยเออร์” สุดยอดผู้รักษาประตูของทีม FC Bayern Munich และทีมชาติเยอรมนี อีกทั้งยังได้ร่วมเข้าชมการแข่งขันนัดสุดท้ายของฤดูกาล ซึ่งทีม FC Bayern Munich เอาชนะไปได้ 5 ประตูต่อ 1 ป้องกันแชมป์และคว้าแชมป์ครั้งสมัยที่ 29 ไปครองได้สำเร็จแล้ว ความใฝ่ฝันอันสูงสุดของสิบตัวแทนประเทศไทย คือเป้าหมายหลักที่จะป้องกันแชมป์ และคว้าแชมป์สมัยที่ 3 กลับมาฝากคนไทยให้จงได้นั่นเอง
เมื่อพวกเขาเดินทางถึงเยอรมนี ก็ต้องออกเดินทางต่อไปเก็บตัวยังเมืองเล็กๆ ที่มีชื่อว่า “เบนไชม์” ซึ่งห่างจากเมืองแฟรงก์เฟิร์ตไม่มากนัก ใช้เวลาอยู่ที่นั่นเพื่อฝึกซ้อมมากถึง 5 วัน ทั้งเพื่อให้สามารถปรับตัวกับสภาพอากาศ อาหาร และชีวิตความเป็นอยู่ได้ ควบคู่ไปกับการเพิ่มพูนทักษะทางกีฬา ทั้งการหนีตัวประกอบ พร้อมวิธีการขึ้นเกมอย่างมีประสิทธิภาพ ใส่รายละเอียดด้านแทคติก เข้มข้นและจริงจังขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน เยาวชนทั้งสิบก็ทุ่มเท เต็มที่ในทุกการซ้อมเช่นกัน เพื่อให้ #TeamThai เป็นทีมที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ซึ่งระยะเวลาซ้อมเพียงไม่กี่วันนั้นคุ้มค่าสำหรับชีวิตนักกีฬาอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะได้วิชา ได้เรียนรู้สิ่งใหม่นอกสนาม ออกไปเปิดหูเปิดตา ผ่อนคลายที่เมือง “ไฮเดลเบิร์ก” เมืองเก่าแก่ที่มีอายุนับพันปีของเยอรมนี ได้มีโอกาสฟิตซ้อมเพื่ออุ่นเครื่องลงแข่งขันจริงกับทีม FC Astoria Walldorf ทีมท้องถิ่นของเมืองนี้แล้ว ยังฝึกให้เกิดความรับผิดชอบ ระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด เข้าใจสิ่งที่กำลังทำ และรู้หน้าที่ของตนเองในสนามเป็นอย่างดี มีความเป็นทีมเวิร์ค และจิตใจอันแข็งแกร่งอีกด้วย
ด้วยใจที่มุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะลงสนามจริงที่อลิอันซ์ อารีน่า ณ เมืองมิวนิค เพื่อจะคว้าชัยชนะมาให้ได้ ตัวแทนประเทศไทยทั้งสิบคนจึงไม่ปฏิเสธที่จะทดสอบความสามารถตัวเอง โชว์ทักษะต่างๆ อย่างกล้าหาญ ทั้งโชว์ความสามารถเลี้ยงบอลด้วยศีรษะ เดาะและโหม่งบอลใจกลางเมือง ได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทยกับตัวแทนชาติต่างๆ หรือแม้กระทั่งการประลองฝีมือเมื่อมีโอกาส เช่น การลงสนามในเกมอุ่นเครื่องกับคู่แข่งจากอีกสาย เพื่อสร้างแรงกระตุ้นในการแข่งขัน และศึกษาคู่แข่งไปในตัว สร้างภูมิต้านทานไม่ประมาทคู่ต่อสู้
นอกจากนั้นยังใช้เวลาไปกับการวิเคราะห์จุดเด่นและแผนการเล่นที่คู่แข่งน่าจะใช้ในวันชิงแชมป์ เพื่อวางแผนรับมือ และถึงแม้คู่แข่งร่วมสาย อย่างทีมอินเดียจะเป็นทีมที่มีเกมรุกอันโดดเด่น ทีมจีนเป็นทีมที่มีทีมเวิร์คอันยอดเยี่ยม และทีม FC Bayern Kids Club จากเยอรมนี ถือเป็นเจ้าถิ่นที่มีสรีระที่สูงใหญ่ แต่นักเตะจากโครงการ FC Bayern Youth Cup Thailand 2019 ก็พร้อมสู้ไม่ถอยและไม่รู้สึกหวั่นเกรงแต่อย่างใด
และแล้วเวลาที่ทั้งสิบคนรอคอยก็มาถึง เมื่อพวกเขาต้องเข้าแข่งขันในรายการ FC Bayern Youth Cup World Final 2019 ซึ่งในปีนี้มีทีมเข้าร่วมแข่งขันจาก 7 ประเทศ ได้แก่ เยอรมนี สิงค์โปร์ จีน อินเดีย ไนจีเรีย สหรัฐอเมริกาและไทย ซึ่งแม้ว่าผลการแข่งขันสิ้นสุด ทีมไทยจะคว้าเพียงที่สี่ของทัวนาเมนต์มาครอง แต่ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ประสบการณ์ที่ได้แข่งขันอย่างเต็มที่ในสนามอลิอันซ์ อารีน่า แห่งนี้ ได้สานฝันที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะบรรยาย และสร้างความทรงจำที่มีค่าที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตก็ว่าได้
พร้อมเผยความสำเร็จจากโครงการนี้ว่า ผลลัพธ์ที่ได้ฝึกซ้อมแทคติกอย่างเข้มข้นทั้งในและนอกสนามตลอดเวลา ทำให้พวกเขาได้สร้างแรงบันดาลใจ และแรงกระตุ้นมากมายจากการมาเยือนสนามจริงที่เยอรมนีอย่างมหาศาล พร้อมกลับไปต่อยอดที่เมืองไทย เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับฟุตบอลไทยในอนาคตอย่างแน่นอน