2 กรกฎาคม 2562 : นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้บริษัทฯ มีแผนเดินหน้าพัฒนาโครงการทำเลฝั่งธนฯ บนถนนจรัญสนิทวงศ์ เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน ที่มีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และต้องการที่อยู่อาศัยใกล้แนวรถไฟฟ้า สร้างสรรค์โครงการ “ศุภาลัย ปาร์ค สถานีแยกไฟฉาย” (SUPALAI PARK YAEK FAI CHAI STATION) บนพื้นที่ประมาณ 6 ไร่ มูลค่าโครงการประมาณ 2,270 ล้านบาท ชูคอนเซ็ปต์ “คอนโดฯ…ที่เพิ่มเวลาการใช้ชีวิตให้กับคุณ” กับพื้นที่ความสุขของการใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติ และไลฟ์สไตล์ที่คล่องตัวบนทำเลย่านเมืองกรุงของฝั่งธนบุรี
ทั้งนี้ สามารถลดเวลาการเดินทางกับหลากหลายจุดเชื่อมต่อการคมนาคม ไม่ว่าจะทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีแยกไฟฉายเพียง 330 เมตร สามารถเชื่อมต่อทุกเส้นทางไปบางซื่อ เพชรเกษม – บางแค และหัวลำโพง ทำให้ทุกการเดินทางสะดวกสบายเข้าสู่ใจกลางเมืองได้อย่างง่ายดาย ครบครันด้วยแหล่งช้อป ชิม ชม ชิล..ในทุกพื้นที่ของการใช้ชีวิต อาทิ Working – เชื่อมต่อชีวิตเข้าสู่โหมดทำงานได้ง่ายๆ ด้วยการเดินทางแบบ Mass Transit Shopping – เซ็นทรัล พลาซา ปิ่นเกล้า เทสโก้ โลตัส ปิ่นเกล้า และตลาดวังหลัง Dinner – ท่ามหาราช และร้านอาหารชั้นนำริมแม่น้ำเจ้าพระยา Cultural Tourism – พระบรมมหาราชวัง และพิพิธภัณฑ์ต่างๆ Healthcare – รพ.ศิริราช รพ.ธนบุรี และ รพ.เจ้าพระยาฯ
“ด้วยข้อจำกัดของผังเมือง จึงไม่สามารถทำตึกสูงมากได้ ดังนั้นจึงปรับเป็น 2 ตึกแทน ราคาเฉลี่ย 65,000 บาท/ตรม.เริ่มต้นที่ 2.03-กว่า 7 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 4 แบบ ได้แก่ แบบ Studio 14%, แบบ 1 Bedroom 45%, แบบ 1 Bedroom Plus 18% และ 2 Bedroom 22% ส่วนคามคืบหน้าของเป้าหมายปีนี้ 40,000 ล้านบาท นั้นเปิดไปแล้ว 1.9 หมื่นล้านบาท ใน 9 โครงการ ผ่านโครงการที่เป็นคอนโดมิเนียม 2 แห่ง และ 7 แบบบ้านแนวราบ ยังเหลืออีก 2.1 หมื่นล้านบาท ใน 22 โครงการ ที่เป็น 19 คอนโดและอีก 3 แนวราบภายในปีนี้” นายไตรเตชะกล่าว
อีกทั้งความคืบหน้าการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง – หลักสอง (เปิดให้บริการได้จริงในเดือนกันยายน 2562) และช่วงเตาปูน – ท่าพระ (เปิดให้บริการได้จริงในเดือนมีนาคม 2563) เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงอุปสงค์ในพื้นที่ที่มีอยู่แล้ว และยังมีส่วนช่วยดึงดูดให้อุปสงค์ใหม่เข้ามาในพื้นที่ โดยบริษัทฯ ได้การตอบรับที่ดีจากลูกค้าจำนวนมาก จากการเข้าไปพัฒนาคอนโดมิเนียมย่านฝั่งธนฯ อย่างต่อเนื่อง จำนวนรวมทั้งสิ้น 11 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 27,000 ล้านบาท
ด้านแนวคิดการออกแบบได้สร้างสรรค์อาคารชุดพักอาศัย สูง 22 ชั้น (รวมดาดฟ้า) 2 อาคาร สไตล์โมเดิร์น จำนวนห้องชุดพักอาศัย 726 ยูนิต (Tower A จำนวน 374 ยูนิต และ Tower B จำนวน 352 ยูนิต) หลากหลายแบบห้องตั้งแต่ 1) ห้องชุด Studio ขนาด 29.5 – 31 ตร.ม. 2) ห้องชุด 1 Bedroom ขนาด 34 – 43 ตร.ม. 3) ห้องชุด 1 Bedroom Plus ขนาด 44.5 – 45 ตร.ม.
พิเศษเพิ่มห้องอเนกประสงค์ 4) ห้องชุด 2 Bedrooms ขนาด 64.5 – 74.5 ตร.ม. เพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้พักอาศัยด้วยระบบ Home Automation และประตูห้องพักแบบ Digital Door Lock การจัดวางอาคารเป็นรูปตัว L เพื่อให้ ทุกตำแหน่งของห้องพักได้รับลมและแสงแดดจากธรรมชาติ พร้อมเพิ่มพื้นที่สีเขียวแนวตั้งด้วยผนัง Green Wall ให้ความสดชื่นในทุกมุมมอง และยังคงเอกลักษณ์อาคารประหยัดพลังงาน โดยใช้กระจกเขียวตัดแสงทั้งอาคาร และหลอดไฟ LED ทั้งอาคาร เพื่อลดความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ตัวอาคาร
จุดเด่นที่สำคัญอีกอย่างที่ผู้พักอาศัยจะได้ร่วมสัมผัสพื้นที่ธรรมชาติรวมกว่า 2 ไร่ ตกแต่งด้วยพรรณไม้ให้กลมกลืนไปกับตัวอาคาร และเชื่อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันที่ชั้นบนสุดของทั้ง 2 อาคาร ด้วยทางเชื่อม Skywalk กับหลากหลายกิจกรรมที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ อาทิ Infinity Edge Swimming Pool & Jacuzzi Fitness & Sauna Sky Lounge และ Roof Garden สร้างสรรค์พื้นที่พักผ่อนและออกกำลังกายสำหรับผู้รักสุขภาพ อาทิ Backyard Garden Playground และ Jogging Track อีกทั้งเพิ่มความสะดวกสบายด้วย Smart Locker และ EV Charger มั่นใจด้วยระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยกล้อง CCTV ลิฟท์ล็อกชั้น และเข้า – ออกอาคารด้วยระบบ Key Card
สำหรับผู้สนใจสามารถเชิญชมห้องตัวอย่าง พร้อมกำหนดเปิดตัว Pre-Sales อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 20-21 กรกฎาคม 2562 ราคาเริ่ม 2.03 ล้านบาท พร้อมรับ Home Automation Digital Door Lock เครื่องปรับอากาศ วอลเปเปอร์ ชุดเฟอร์นิเจอร์ครัว เครื่องทำน้ำอุ่น และฉากกั้นอาบน้ำแบบกระจกนิรภัย และเลือกรับเฟอร์นิเจอร์ครบชุด + ส่วนลดพิเศษ หรือ ส่วนลดพิเศษ 2 เท่า 180,000 – 320,000 บาท 
