25 มิถุนายน 2562 : นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้าน ธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด ( มหาชน) (BAY) หรือ กรุงศรีออโต้ เปิดเผย ว่า บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) ในเครือธนาคารกรุงศรีฯ ล่าสุด บริษัทเดินหน้ารุกตลาดบริการประกันภัยอย่างจริงจังผ่านธุรกิจกรุงศรี ออโต้ ล่าสุด เปิดตัวเว็บไซต์ กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์ (www.krungsriautobroker.com) เป็นแพลตฟอร์มดิจิทัล
โดยในเฟสแรกสามารถเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ตามงบประมาณที่กำหนด จากหลายบริษัทประกันภัยชั้นนำครบคลุมทั้งรถยนต์และรถบิ๊กไบค์ ด้วยกลยุทธ์ “เปรียบเทียบจริงแค่บอกงบ” เจาะกลุ่มลูกค้าทั่วไปและลูกค้าเดิมของกรุงศรีออโต้ โดยบริษัทตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันรถยนต์ผ่านช่องทางออนไลน์ 200 ล้านบาท ภายใน 1 ปีหลังจากนี้ รวมถึงคาดว่า จะมีผู้เข้าชมเว็บไซต์ 300,000 คนต่อเดือน
อีกทั้งเตรียมจะขยายบริการให้ประกันภัยดิจิทัลครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ขยายผลิตภัณฑ์ประกันวินาศภัย เช่น ประกันบ้าน ประกันโรงงาน ในเฟส 2 ประมาณต้นปีหน้า และประกันชีวิต ในเฟส 3 ประมาณปลายปีหน้า บริษัทคาดว่า จะมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 5% ของมูลค่าตลาดธุรกิจโบรกเกอร์ออนไลน์ที่มีอยู่ประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท
ซึ่งภาพรวมธุรกิจโบรกเกอร์ประกันภัยของกรุงศรีออโต้ปีนี้ คาดว่า จะมีรายได้ค่าธรรมเนียม (ค่าฟี) ธุรกิจโบรกเกอร์ประกันภัย คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของรายได้ค่าธรรมเนียมกรุงศรี ออโต้รวมอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท ในปี 2561 ส่วนแนวโน้มค่าธรรมปีนี้เติบโต คาดว่าจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ ได้ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยของธุรกิจรับรวมที่ปีนี้ 8,000 ล้านบาท เติบโต10% จากสิ้นปีก่อน แบ่งเป็นเบี้ยประกันรถยนต์ 3,000 ล้านบาทและเบี้ยประกันภัยอื่นๆอีก 5,000 ล้านบาท โดยคาดว่าครึ่งปีนี้สามารถทำเบี้ยประกันภัยรับรวมได้ตามแผนที่ 4,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ สำหรับสินเชื่อคงค้างธุรกิจยานยนต์ปีนี้ทะลุเป้าหมายที่วางไว้ที่ 400,000 ล้านบาท ขณะที่สินเชื่อปล่อยใหม่ช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาเป็นไปตามแผนงานที่ธนาคารวางไว้ หนุนให้การเติบโตของสินเชื่อดังกล่าวสิ้นปี 2562 เติบโตไปตามเป้าหมายที่ 3% คิดเป็นเม็ดเงิน 199,000 ล้านบาท
โดยมาตราการคุมเข้มสินเชื่อเช่าซื้อที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ที่จะเกิดในอนาคต ไม่ได้สร้างผลกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อดังกล่าวให้กับธนาคารอย่างไร เนื่องจากธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อเป็นไปตามเกณฑ์ที่ธปท.กำหนดไว้อยู่แล้ว โดยเน้นดูความสามารถของผู้ขอสินเชื่อเป็นหลัก ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ตั้งเป้าหมายทั้งปีไม่เกิน 2% ปัจจุบันอยู่ที่ 1.7%