ประเทศไทย, 17 มิถุนายน 2562 : กลุ่มโตเกียวมารีนประกาศแต่งตั้ง มร.โนโบรุ ยามากาตะ (Mr. Noboru Yamagata) ดำรงตำแหน่ง กรรมการบริหาร โตเกียวมารีน โฮลดิ้ง ดูแลธุรกิจภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งประเทศจีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา และ มร.ซาลูน ธรรม (Mr. Saloon Tham) ดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โตเกียวมารีน เอเชีย เมื่อเดือนเมษายนของปีนี้เช่นกัน โดยมีหน้าที่ความรับผิดชอบดูแลธุรกิจในภูมิภาคเอเชียทั้งหมดของโตเกียวมารีนกรุ๊ป
มร.โนโบรุ ยามากาตะ เข้าร่วมงานกับโตเกียวมารีนตั้งแต่ปี 2528 มีประสบการณ์การทำงานในเอเชีย โดยดำรงตำแหน่ง First Vice President ของโตเกียวมารีน มารายัน อินชัวรันส์ (Tokio Marine Malayan Insurance) ประเทศฟิลิปปินส์ และมีประสบการณ์ด้านการดูแลงานด้านต่างประเทศหลายโครงการ รวมถึงโครงการก่อตั้งธุรกิจในตะวันออกกลางและแอฟริกา
“ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้กลับมาดูแลธุรกิจในภูมิภาคที่ผมรัก เพราะการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งกว่าที่ผ่านมา ในระยะยาวเราเชื่อว่าจะเป็นภูมิภาคที่มีโอกาสในการเติบโตมากที่สุด เมื่อปี 2545 กลุ่มโตเกียวมารีนมีสัดส่วนผลกำไรที่ได้มาจากธุรกิจประกันภัยต่างประเทศ 3% แต่ผลจากการส่งเสริมการขยายธุรกิจในต่างประเทศอย่างแข็งแกร่งด้วยกลยุทธ์ M&A คาดว่าในปี 2562 สัดส่วนผลกำไรจากธุรกิจประกันภัยต่างประเทศจะเติบโตขึ้นเกือบถึง 50% โดยกลุ่มโตเกียวมารีนมี 3 กลยุทธ์หลักที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจ คือ
1.การกระจายธุรกิจ โดยคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนผลกำไรจากธุรกิจประกันภัยต่างประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่เป็น 20% ดังจะเห็นได้จาก การประกาศเรื่องการซื้อบริษัทประกันวินาศภัยของไทยและอินโดนีเซียจาก Insurance Australia Group หรือ IAG เมื่อปีที่แล้ว น่าจะทำให้ได้เห็นถึงความคาดหวังและพันธสัญญาอย่างหนักแน่นของกลุ่มโตเกียวมารีนที่มีต่อภูมิภาคเอเชีย
2.การปฏิรูปโครงสร้างธุรกิจโดยนำเทคโนโลยีมาใช้ โดยได้ก่อตั้งห้องปฏิบัติการโตเกียวมารีน อินโนเวชั่น แล็ป 3 แห่งคือ ที่โตเกียว, ซิลิคอนวัลเล่ย์, และสิงคโปร์ และการลงทุนร่วมกับธุรกิจ Start up ระดับสากล 3.การสร้างความแข็งแกร่งในการบริหารระดับกลุ่ม ที่เราจะแสดงศักยภาพจากการรวมกลุ่ม ผ่านองค์ประกอบอย่าง Core identity หรือการสร้างพื้นฐานการบริหารจัดการระดับสากล โดยทั้ง 3 กลยุทธ์ดังกล่าวนี้ จะทำให้โตเกียวมารีนเติบโตตามเป้าหมายที่คาดไว้” มร.โนโบรุ กล่าว
มร.ซาลูน ธรรม เข้ามาร่วมงานกับโตเกียวมารีน เอเชีย ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา และได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลธุรกิจในภูมิภาคเอเชียทั้งหมด โดย มร.ซาลูน มีประสบการณ์ด้านประกันชีวิตมากว่า 30 ปี และมีประสบการณ์ในการทำงานต่างประเทศในหลากหลายประเทศ เช่น แคนาดา สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และประเทศไทย
“ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ดูแลธุรกิจเอเชียทั้งหมดของโตเกียวมารีน กรุ๊ป โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมเห็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ในตลาดประกันชีวิตไทย ที่ผมเชื่อว่าเราจะสามารถใช้ประโยชน์จากความรู้และทักษะที่ได้สั่งสมมาจากการทำธุรกิจในประเทศญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ เพื่อเอาชนะความท้าทายของสังคมผู้สูงอายุที่เกิดขึ้น ผมขอย้ำว่าประเทศไทยถูกวางให้เป็นหนึ่งในตลาดที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 1 ของโตเกียวมารีนกรุ๊ป และเราจะทำทุกวิถีทางในการสนับสนุนการเติบโตของ โตเกียวมารีนประกันชีวิต ประเทศไทย” มร.ซาลูน กล่าว
มร.ชิน ทานิโมโต กรรมการผู้จัดการ บมจ. โตเกียวมารีนประกันชีวิต (ประเทศไทย) เผยผลประกอบการบริษัทปี 2561 มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 6,708 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 1,596 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับปีต่ออายุ 5,113 ล้านบาท บรรลุเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ โดยมีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวม 9% เมื่อเทียบกับผลประกอบการปี 2560 โดยมีสัดส่วนการขายหลักมาจากช่องทางการขายผ่านตัวแทนประกันชีวิต ประกันกลุ่ม และช่องทางอื่นๆ ตามลำดับ
สำหรับ ในปี 2562 บริษัทตั้งเป้าหมาย เบี้ยประกันภัยรับรวม 7,471 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวม 11% แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 1,700 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับปีต่ออายุ 5,771 บาท จนถึงเดือนพฤษภาคมปี 2562 บริษัทมีผลผลิตเบี้ยประกันภัยรับรวม 3,013 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวม 40% เมื่อเทียบกับพฤษภาคมปี 2561
“กลยุทธ์ในการบริหารของเราที่เป็นแกนหลัก คือ “การส่งเสริมการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง” และ “การบริหารความเสี่ยงระดับองค์กรอย่างเข้มแข็ง” ซึ่งในปี 2562 นี้ เรากำหนดให้เป็นปีแห่งการเติบโต โดยมี 3 แกนหลักของกลยุทธ์ ที่จะส่งเสริมการเติบโตนี้คือ 1. เพิ่มความแข็งแกร่งของช่องทางการขายปัจจุบันโดยเฉพาะในช่องทางตัวแทน ซึ่งต้องขอบคุณคุณสมโพชน์ เป็นอย่างมากที่สามารถดูแลช่องทางการขายนี้ให้เติบโตต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลานาน 2. เพิ่มความหลากหลายของช่องทางการขาย และ
3. สร้างปฏิบัติการที่เป็นเลิศโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยร่วมมือกับ Digital Lab ที่ตั้งอยู่ในหลายภูมิภาคโดยเฉพาะสิงค์โปร์ตามที่คุณซาลูนได้กล่าวไว้ เพื่อนำเทคโลยีมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการอำนวยความสะดวกรวดเร็วให้กับลูกค้าในประเทศไทย” มร.ชิน กล่าว
นายสมโพชน์ เกียรติไกรวัล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. โตเกียวมารีนประกันชีวิต (ประเทศไทย) เผยผลประกอบการช่องทางตัวแทนจนถึงพฤษภาคม 2562 มีเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 752 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 182% (โดยแบ่งออกเป็นเบี้ยประกันภัยสามัญ 358 ล้านบาท เติบโต 42% และเบี้ยประกันภัยรับชำระครั้งเดียว (Single Premium) 394 ล้านบาท เติบโต 2,469%) และเบี้ยประกันภัยรับปีต่ออายุ 1,178 ล้านบาท รวมเบี้ยประกันภัยรับรวม 1,930 ล้านบาท เติบโต 47% โดยในปี 2562 ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 1,250 ล้านบาท (รายสามัญ) และเบี้ยประกันภัยรับปีต่อ 4,113 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับรวม 5,363 ล้านบาท และเพิ่มจำนวนตัวแทนเป็น 4,300 คน
“สำหรับช่องทางตัวแทนในปีนี้มีอัตราการเติบโตที่ดีมาก โดยปัจจัยที่นำมาซึ่งความสำเร็จมีหลายองค์ประกอบ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ ความแข็งแกร่งของสถานภาพทางการเงินของบริษัท ที่เป็นปัจจัยในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า เพราะกรมธรรม์ประกันชีวิต เป็นพันธสัญญาระยะยาวที่บริษัทจะต้องส่งมอบผลประโยชน์กับลูกค้าให้ครบตามข้อกำหนดในสัญญา จากรายงานสถานะทางการเงินของบริษัท ณ สิ้นปี 2561
จะพบว่าบริษัทมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย (CAR) 745% ซึ่งสูงกว่าค่ามาตรฐานขั้นต่ำที่กำหนดไว้ 140% เรามีการควบคุมค่าใช้จ่ายและการบริหารจัดการที่ดี ที่ทำให้ลูกค้าได้รับผลิตภัณฑ์ที่ดี โครงสร้างผลตอบแทนของตัวแทนเป็นที่น่าพอใจ และบริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน จากรายงานตัวเลขในงบกำไรขาดทุนปี 2561 จะพบว่าปัจจุบันบริษัทมีกำไรสะสมจำนวน 949 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 24,344 ล้านบาท
ในส่วน ผลิตภัณฑ์ ของโตเกียวมารีนประกันชีวิตมีความโดดเด่น และหลากหลายครอบคลุมทุกประเภททั้ง คุ้มครองตลอดชีพ สะสมทรัพย์ และบำนาญ นอกจากนี้ยังมีสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพ อุบัติเหตุ โรคร้ายแรง และอื่น ๆ ครบครันตามความต้องการของลูกค้า โดยทุกผลิตภัณฑ์มีการการันตีผลตอบแทน การฝึกอบรมพัฒนาตัวแทน เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของความสำเร็จ การเสริมสร้างทักษะความรู้ในการเข้าพบลูกค้าเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ ที่สอดรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า และการให้ข้อมูลที่ครบถ้วนชัดเจนตรงไปตรงมา ที่ผ่านมาเรามุ่งเน้นการเสริมสร้างศักยภาพและคุณภาพของ
ตัวแทน ด้วยการสร้างตัวแทนที่มีความเป็นมืออาชีพ ดังจะเห็นได้จากการมีตัวแทนได้รับรางวัลตัวแทนคุณภาพดีเด่นแห่งชาติ (TNQA) เพิ่มมากขึ้นทุกปี ในปีนี้เรามีจำนวนตัวแทนยอดเยี่ยมแห่งชาติ (NAA) สูงถึง 15 คน รวมถึง อันดับ 1 และอันดับ 2 ของรางวัลตัวแทนยอดเยี่ยมแห่งชาติ เป็นตัวแทนจากโตเกียวมารีนประกันชีวิต นอกจากนี้เรายังมีตัวแทนที่มีคุณสมบัติ MDRT 66 ท่าน COT 6 ท่าน และ TOT 4 ท่าน”
นายสมโพชน์ กล่าวต่อว่า “ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา บมจ. โตเกียวมารีนประกันชีวิต ประเทศไทย เข้ารับรางวัล Good Company Global Awards จาก Mr. Tsuyoshi Nagano President and Group CEO, Tokio Marine Holdings ณ สำนักงานใหญ่ อาคารโตเกียวมารีน นิชิโดะ ฮอนกัน กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในโครงการ Streamlining the Claim Process to Support our Customers การพัฒนาระบบเคลม ที่ช่วยย่นระยะเวลาให้การเคลมของลูกค้าทำได้อย่างรวดเร็วเพียง 8 – 30 นาที
โดยรางวัลนี้เป็นหนึ่งในผลการทำงานที่สะท้อนให้เห็นถึงการสอดรับนโยบายของการสร้างบริษัทให้เป็น Good Company ด้วยการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้ว่ากลุ่มโตเกียวมารีน มุ่งมั่นและจริงจังในการเสริมสร้าง พัฒนาสังคมไทยให้มั่นคง และเราจะรักษาพันธสัญญาที่ได้ให้ไว้กับลูกค้า ด้วยการส่งมอบบริการที่มีคุณภาพสูง นั่นคือหลักประกันความมั่นคง อุ่นใจในชีวิตสืบต่อไปในอนาคตอย่างยั่งยืน”