กรุงเทพฯ 13 มิถุนายน 2562 : นายฐนสรณ์ ใจดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทรู ดิจิทัล พาร์ค กล่าวว่า ทรู ดิจิทัล พาร์ค มีเป้าหมายเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มุ่งสร้างระบบนิเวศสมบูรณ์แบบครบวงจรสำหรับสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการด้านดิจิทัล ภายใต้แนวคิด “One Roof, All Possibilities – ที่เดียว ทุกความเป็นไปได้”
ล่าสุด เผยโฉม Work Space พื้นที่ทำงานและสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัล ในบรรยากาศที่เปิดโล่งและเชื่อมต่อถึงกันในแต่ละชั้น เอื้อต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างแท้จริง พร้อมเสริมจุดแข็งและเติมเต็มทุกความต้องการของสตาร์ทอัพ รวมทั้งการสนับสนุนและบ่มเพาะจากพาร์ทเนอร์ในทุกมิติ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งธุรกิจ การแบ่งปันและหลอมรวมองค์ความรู้จากสถาบันการศึกษาและศูนย์วิจัยต่างๆ ก้าวล้ำกับเทคโนโลยีจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก พร้อมด้วยบริการต่างๆจากหน่วยงานภาครัฐ และโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ติดปีกให้สตาร์ทอัพเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
ทั้งนี้ Global Innovation Index : GII ซึ่งจัดทำโดย Cornell SC Johnson College of Business และ INSEAD WIPO ได้เปิดเผยผลการประเมินผลดัชนีนวัตกรรมโลกว่า ประเทศไทยมีความพร้อมเป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลแห่งใหม่ของภูมิภาค ซึ่งประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 44 ในปี 2561 มีอันดับที่ดีขึ้น 7 อันดับ โดยมีความโดดเด่นเป็นพิเศษด้านความก้าวหน้าของตลาด (Market Sophistication) ผลลัพธ์จากองค์ความรู้และ
เทคโนโลยี (Knowledge and technology outputs) และอัตราส่วนประสิทธิภาพด้านนวัตกรรม (Innovation Efficiency Ratio) อีกทั้งยังเป็นหนึ่งใน 20 ประเทศในกลุ่มนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จ(Innovation Achievers) อีกด้วย แต่อย่างไรก็ดี ประเทศไทยยังมีสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม ดังนั้น ทรู ดิจิทัล พาร์ค จึงมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างระบบนิเวศสมบูรณ์แบบสำหรับสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการด้านดิจิทัล เพื่อร่วมสนับสนุนและเสริมศักยภาพของประเทศให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ทรู ดิจิทัล พาร์ค ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 101 สถานีบีทีเอสปุณณวิถี พร้อมเปิดให้บริการครบทุกพื้นที่ในเฟสแรก แล้ววันนี้ โดยแบ่งพื้นที่ให้บริการ 3 ส่วนหลัก คือ Work Space ขนาด 77,000 ตร.ม. Lifestyle Space ขนาด 30,000 ตร.ม. และ Living Space ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมและที่พักอาศัย โดย Work Space ของทรู ดิจิทัล พาร์ค จะเป็นศูนย์รวมและสตาร์ทอัพคอมมูนิตี้ในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ภายใต้แนวคิด Open Innovation เพื่อส่งเสริมสตาร์ทอัพให้เติบโตอย่างมั่นคง แข็งแกร่ง และประสบความสำเร็จถึงระดับที่จะเป็น ‘ยูนิคอร์น’ นายฐนสรณ์ กล่าว
“สถิตของผู้เข้าทำงานที่ WorkSpace สะท้อนถึงความเป็นระบบนิเวศสมบรูณ์ แบบเพื่อสตาร์ทอัพอย่างแท้จริง โดยปัจจุบันมีกลุ่มผู้ใช้งานจากหลากหลายประเภทธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจดิจิทัลคอนเทนต์, โซเชียลแพลตฟอร์ม, EnterprisePlatform, อี-คอมเมิร์ซ, หุ่นยนต์ รวมถึงธุรกิจเทคต่างๆ อาทิ ฟินเทค,ทราเวลเทค, มาร์เก็ตติ้งเทค, พร็อพเทค(PropTech) และ AgriTech เป็นต้น สำหรับสถิติด้านประชากรเป็นชายร้อยละ 57 และหญิงร้อยละ 43 โดยสาขาการทำงานของผู้ที่อยู่ใน True Digital Park
ส่วนใหญ่จะเป็นสาขาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและดิจิทัล ซึ่งมีมากกว่า 60% ของคนทั้งหมด แบ่งตามสาขาการทำงานได้ดังนี้ กลุ่มวิศวกร ไอที เทคโนโลยี และนวัตกรรม ร้อยละ 40, งานสนับสนุนทางเทคนิค ร้อยละ 15, ด้านการตลาดดิจิทัล ร้อยละ 6, ด้านบริหารและพัฒนาธุรกิจ ร้อยละ 25 และงานสนับสนุนด้านอื่นๆ เช่น บัญชี, บุคคล ร้อยละ 14
Work Space ประกอบด้วยพื้นที่ 4 โซน ดังนี้
1. Co-Working Space พื้นที่นั่งทำงาน มีบริการแพนทรี และโซนพักผ่อน
2. Office Space พื้นที่สำนักงานที่มีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ ใช้เป็นห้องประชุม และจัดกิจกรรม ออกแบบเปิดโล่ง มีบันไดเชื่อมต่อกันทุกชั้น เอื้อต่อการพบปะแลกเปลี่ยนความรู้ และสร้างคอมมูนิตี้ร่วมกัน
3. Innovation Space แหล่งรวมเทคโนโลยีใหม่ ๆ ศูนย์ทดลองนวัตกรรม และการเรียนรู้จากหน่วยงานภาครัฐ บริษัทต่างๆ และองค์กรชั้นนำระดับโลก อาทิ NIA, DEPA, ETDA, ACE Singapore, KMITL, Google, AWS, Huawei, Ricoh, UOB, Wongnai, MuSpace, Thailand e-Center (TeC), CP Innovation และ True Digital Academy เป็นต้น
4. Event and Business Services Space พื้นที่สำหรับจัดประชุม สัมมนา ศูนย์บริการทางธุรกิจ ศูนย์บริการครบวงจรจากภาครัฐ