29 พฤษภาคม 2562 : นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลังและประธานกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. เปิดเผยว่า กอช. ถือเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมให้แรงงานนอกระบบหรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ ให้เข้าถึงการออมที่จะเป็นแหล่งรายได้ยามชราที่มั่นคงได้เหมือนผู้ที่ประกอบอาชีพอื่น
โดยต้องอาศัยการทำงานบูรณาการร่วมกันจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นแรงเสริมสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นให้แรงงานนอกระบบหรือผู้ประกอบอาชีพอิสระมาสมัครเป็นสมาชิก กอช. รับเงินสมทบจากรัฐบาลเพื่อมีเงินออมไว้ใช้หลังอายุ 60 ปี เป็นรายเดือนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา กอช. ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยได้จัดการประชุมเพื่อชี้แจงแนวทางการขับเคลื่อน “โครงการส่งเสริมวินัยการออมกับ กอช. ในระดับพื้นที่” และได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดทุกท่านเข้าร่วมประชุมในฐานะเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจดังกล่าว
และเริ่มดำเนินการลงพื้นที่ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยในการเพิ่มสมาชิกกลุ่มเป้าหมายในระดับภูมิภาค ซึ่งในเดือนเมษายนที่ผ่านมา มี 20 จังหวัด ที่มีผลการดำเนินงานการส่งเสริมวินัยการออมดีเด่น ในการใช้กลไกความร่วมมือขับเคลื่อนการดำเนินงานจนเกิดผลต่อการออมอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมการ ขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมวินัยการออมกับ กอช. ในระดับพื้นที่ โดยการสนับสนุนของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งนับเป็นโอกาสดีที่ได้ร่วมกันขับเคลื่อนการส่งเสริมวินัยการออมทั่วทุกพื้นที่โดยพร้อมเพรียงกันทั้งประเทศ ตามนโยบายและแนวทางที่กระทรวงมหาดไทย และ กอช. ได้ร่วมกันวางทิศทางและกรอบการดำเนินงาน เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายการส่งเสริมวินัยการออม เพื่อสร้างความมั่นคงของผู้สูงวัยให้มีรายได้ที่พอเพียงเมื่อถึงวัยเกษียณ
ซึ่งประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ในปี 2564 โดยโครงการ ความร่วมมือระหว่างกระทรวงมหาดไทยกับ กอช. ได้เห็นผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน โดยให้ความสำคัญกับบุคลากรในส่วนราชการหรือหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทยที่ไม่ได้รับสวัสดิการ เรื่องบำนาญที่จะได้มีเงินเพียงพอสำหรับใช้ดำรงชีพในยามเกษียณหลังอายุ 60 ปี ได้รับสิทธิสวัสดิการจากรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น
โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นแกนหลักสำคัญในการขับเคลื่อน พร้อมทั้งหน่วยงานท้องถิ่นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมผลักดันการส่งเสริมวินัยการออมกับ กอช. ให้เกิดผลสำเร็จขึ้นในแต่ละพื้นที่ร่วมส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนที่ยังไม่ได้รับสวัสดิการด้านบำนาญจากรัฐบาลได้เข้าสู่ระบบการออมที่รัฐบาลให้การสนับสนุน
ซึ่งเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีจังหวัดที่มีสมาชิก กอช. เพิ่มขึ้นตามเป้าหมายมากกว่าร้อยละสิบ ร้อยละยี่สิบห้า และร้อยละห้าสิบตามลำดับ ถึง 20 จังหวัดแล้ว หลังจากนี้กระทรวงมหาดไทยจะเร่งขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมวินัยการออมกับ กอช. ในระดับพื้นที่ ให้ครบ 76 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้เข้าถึงการออมกับ กอช. เพิ่มมากขึ้นต่อไป และกระทรวงมหาดไทยมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการให้ประชาชนได้เข้าถึงสวัสดิการจากรัฐบาลในการออมเงินกับ กอช. ไว้ใช้หลังอายุ 60 ปี
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติหรือ กอช. กล่าวเพิ่มเติมว่า กอช. กับกระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมมือกันส่งเสริมวินัยการออมและสนับสนุนให้มีการสมัครสมาชิก กอช. จากการลงพื้นที่ร่วมกันผลักดันให้กลุ่มประชาชนที่ยังไม่สามารถเข้าถึงระบบการออมที่รัฐบาลให้การสนับสนุนเงินสมทบตามช่วงอายุ ได้มีเงินสวัสดิการและเงินบำนาญรายเดือนไว้ใช้ดำรงชีพในยามเกษียณหลังอายุ 60 ปี
ตลอดจนสัมฤทธิ์ผลได้ตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาส ความเสมอภาค และเท่าเทียมกันทางสังคม อันเป็นประเด็นหลักสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพด้านการจัดสวัสดิการพื้นฐานของรัฐบาลที่จะนำไปสู่ประชาชนได้อย่างทั่วถึง และเป็นเรื่องน่ายินดีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นความสำคัญในการมุ่งส่งเสริมวินัยการออมให้ประชาชนได้มีเงินเก็บออมไว้ใช้หลังอายุ 60 ปี โดยมีจังหวัดที่มียอดสมาชิก กอช. เพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย 3 ประเภท ดังนี้
ประเภทที่ 1 มากกว่าร้อยละสิบ จำนวน 15 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดยโสธร จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดนครพนม จังหวัดพัทลุง จังหวัดอ่างทอง จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดชัยนาท จังหวัดยะลา จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดหนองบัวลำภู จังหวัดปัตตานี จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดอุดรธานี
ประเภทที่ 2 มากกว่าร้อยละยี่สิบห้า จำนวน 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดอุทัยธานี และจังหวัดสงขลา
ประเภทที่ 3 มากกว่าร้อยละห้าสิบ จำนวน 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดนราธิวาส
ซึ่งมีทั้งหมด 20 จังหวัด ที่เป็นจังหวัดส่งเสริมวินัยการออมดีเด่นให้กับประชาชน และต้องขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและหัวหน้าส่วนราชการทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันส่งเสริมให้คนไทยมีเงินบำนาญรายเดือนไว้ใช้จ่ายหลัง 60 ปี
สำหรับผู้สนใจสามารถสมัครสมาชิก กอช. ได้ตั้งแต่อายุ 15 – 60 ปี ที่ไม่มีสวัสดิการจากรัฐบาล ไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33, มาตรา 39, มาตรา 40 ทางเลือก 2, มาตรา 40 ทางเลือก 3 ไม่เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และไม่เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่มีจำนวนกว่า 21 ล้านคนทั่วประเทศ
จะได้เติมเต็มเงินออมหลังเกษียณเป็นรายเดือน เพื่อตอบโจทย์ความมั่นคงทางการเงิน ทั้งนี้ กอช. ยังมีช่องทางอำนวยความสะดวกให้กับสมาชิกและผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน “กอช” เพื่อสมัครสมาชิก ดูข้อมูลบัญชีเงินออม และใช้ตรวจสอบสิทธิการสมัครสมาชิกได้ ทั้งระบบ iOS และ Android หรือที่ www.nsf.or.th หรือที่หน่วยรับสมัครของ กอช. ธนาคารของรัฐทั้ง 4 แห่ง อาทิ ธนาคาร ธ.ก.ส. ธอส.ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทยทุกสาขาทั่วประเทศ เคาน์เตอร์เซอร์วิสทั่วประเทศ ตู้บุญเติมเทสโก้โลตัส รวมทั้งสำนักงานคลังจังหวัด สถาบันการเงินชุมชน และเครือข่ายรับสมัครทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลสายด่วนเงินออม 02-049-9000