28 พฤษภาคม 2562 : นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 4 สัปดาห์ เชื่อว่าสามเณรทุกรูป ได้มีโอกาสเรียนรู้ธรรมะภายใต้การดูแลเป็นอย่างดียิ่งจากพระภาวนาโพธิคุณ และพระพี่เลี้ยงทุกรูป โดย เริ่มจาก สัปดาห์ที่ 1 “ความรัก” – หมายถึงความมีเมตตา ความเข้าใจถึงสรรพสิ่งที่เชื่อมโยงกัน เราเป็นส่วนหนึ่งของทั้งหมด ไม่ใช่ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของเรา ต่อด้วยสัปดาห์ที่ 2 “การเรียน” ซึ่งไม่มีที่สิ้นสุด – เรียนรู้ธรรมะที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ และถ่ายทอดเป็นสมบัติอันมีค่าแก่มวลมนุษยชาติ
ซึ่งการเรียนธรรมะ ไม่ใช่เพียงจากการรับฟัง แต่รวมถึงจากการปฏิบัติ ขณะที่สัปดาห์ที่ 3 “ความเพียร” – คือการปฏิบัติตน ตามสติตลอดเวลา สงบนิ่ง ทำสมาธิในหลายรูปแบบ ซึ่งด้วยการสอนจากพระอาจารย์ทุกรูป ทำให้สามเณรได้สำรวจจิต มีจิตใจที่มั่นคง แน่วแน่มากขึ้น และสัปดาห์สุดท้าย “การให้” – กลับไปสู่สัปดาห์แรก ในเรื่องของความเมตตา สามเณรได้แสดงถึงความกตัญญูกตเวที อันเป็นการแสดงออกถึงความเชื่อมโยงของจิตใจว่าทุกคนสามารถช่วยเหลือ เกื้อกูล พึ่งพาซึ่งกันและกัน รวมถึงมองข้ามความแตกต่างของกันและกันได้”
“ด้วยความบริสุทธิ์ ความน่ารัก สามเณรทุกรูป ถือเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดองค์ความรู้ กระบวนการเรียนรู้ของชีวิต รวมถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ น้องๆ สามเณรในปีนี้เก่งมาก มีความหลากหลายจากทั่วประเทศ แต่มีความสามัคคีและพัฒนาการที่เห็นผลชัดเจน ซึ่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ และทรู คอร์ปอเรชั่น จะนำองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นไปต่อยอดและเผยแพร่ต่อไป” นายศุภชัย กล่าวสรุป
ในโอกาสนี้ พระภาวนาโพธิคุณ เจ้าอาวาสวัดธารน้ำไหล พระอาจารย์ใหญ่ประจำโครงการ ได้กล่าวสัมโมทนียกถา พร้อมให้ข้อคิดคติธรรมว่า “การจัดโครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม ปี 8 ณ แห่งนี้ เท่ากับช่วยเผยแพร่แนวทางคำสอนของพระอาจารย์พุทธทาสให้ก้าวไกลต่อไป ทำให้สวนโมกข์ (วัดธารน้ำไหล) ได้ทำประโยชน์ในคราวเดียวกัน สามเณรได้มีโอกาสเรียนรู้และปฏิบัติธรรม ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า โดยคุณธรรมที่สำคัญและทำให้บุคคลเจริญก้าวหน้าสำเร็จในชีวิต คือ ความกตัญญูกตเวที นอกจากนี้ อาตมา ยังนำแนวทางคำสอนของพระอาจารย์พุทธทาส เรื่อง 5 ดีมาสอนแก่เหล่าสามเณร คือ 1.เป็นบุตรที่ดีของบิดามารดา 2.เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ 3.เป็นเพื่อนที่ดีของเพื่อน 4.เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ และ 5.เป็นสาวกที่ดีของพระศาสดา คุณธรรมเหล่านี้ เป็นธรรมะระดับศีลธรรม ซึ่งมีความสำคัญต่อยุวชน สมกับที่ท่านอาจารย์พุทธทาสเคยพูดไว้ว่า “ศีลธรรมของยุวชนคือสันติภาพของโลก”
พระภาวนาโพธิคุณ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ขอฝากคำสอนของท่านพุทธทาส เมื่อสามเณรลาสิกขาออกไปเป็นฆราวาส ขอให้นำธรรมะเป็นแนวทางการดำรงชีวิต ให้ชนะ 3 โลก คือ 1.โลกนี้ มีทรัพย์สินเงินทองพอตัว ไม่อดอยาก ไม่ลำบาก มีเกียรติยศจากการทำคุณงามความดี 2. โลกหน้า หรือโลกสวรรค์ ถ้าทำคุณงามความดี และมีความพอใจ สวรรค์ก็จะเกิดขึ้นทันที เพราะฉะนั้น ต้องดำรงชีวิตให้ชนะโลกหน้าด้วย และ 3.โลกสุดท้าย อยู่เหนือโลก คือไม่ยินดี ยินร้ายต่ออารมณ์ต่างๆ ซึ่งการอยู่เหนือโลกต้องเข้าใจธรรมะของพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้ในของเรื่องกฎธรรมชาติ สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง ซึ่งเมื่อสามเณร ได้ลาสิกขาออกไปแล้ว จะเรียกว่ายุวพุทธ ยกฐานะจากเยาวชน เพราะได้เรียนรู้ธรรมะ อยากให้สามเณร รักษาศีลต่อไป อย่างน้อยมีศีล 5 คอยนำทางชีวิต”
อีกหนึ่งความประทับใจในพิธีลาสิกขา ได้แก่ 12 สามเณรน้อย ได้นำสื่อธรรมะที่สร้างสรรค์ด้วยความคิดของตนเอง มาประกอบการบรรยายธรรม สร้างความปลาบปลื้มแก่ผู้รับฟัง อีกทั้ง ยังได้มอบวารสารธรรมะ ฉบับพิเศษ ที่รวบรวมผลงานของสามเณรตลอด 1 เดือน แก่ผู้ร่วมงาน อันเป็นการต่อยอดนวัตกรรมที่ท่านพุทธทาสภิกขุริเริ่มไว้อีกด้วย
น้องคิด ด.ช.ฟีนิกซ์ แชร์ฟ อายุ 10 ขวบ จากจังหวัดจันทบุรี ได้บรรยายธรรมอย่างซาบซึ้ง แสดงถึงความกตัญญูกตเวทีว่า “ของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตผม คือการได้เกิดเป็นลูกของพ่อแม่ เพราะพ่อแม่มีเมตตา แบ่งปัน รักษา และท่านก็เป็นพระอรหันต์ที่จะไม่ทิ้งเราตราบที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ และอีกอย่าง คือการได้บวชในโครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม ผมได้เรียนรู้เรื่องพระไตรปิฎก ศิลปะ ขยะบนโลก และวิธีรักษาชายหาดร่วมกับท่านวิทยากรที่มาให้ความรู้ ดังนั้น การให้โอกาสตัวเองได้ปรับเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้น เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตไปสู่สิ่งดีงาม ถือเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตเรา”
ในขณะที่ น้องอังเด ด.ช.อชิต ชัชวาลไกรวงศ์ อายุ 9 ขวบ จากจังหวัดจันทบุรีเช่นเดียวกัน กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้ร่วมโครงการครั้งนี้ว่า “ก่อนบวช รู้สึกกังวลว่าตัวเองจะอดทนได้ไหม เช่น ได้ฉันข้าวเพียงวันละ 2 มื้อ แต่พอมาถึงวันนี้ รู้สึกภูมิใจมากที่ตัวเองสามารถอดทน ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนสำเร็จ คิดว่าการบวชครั้งนี้ ได้ความอดทนจริงๆ รวมถึงสติและสมาธิ ซึ่งจะนำสิ่งที่เรียนรู้จากการเป็นสามเณรในครั้งนี้ ไปใช้ในชีวิตต่อไป โดยเฉพาะเรื่องการเรียน”
น้องอิ๊กคิว ด.ช.ศุภวิชญ์ เพชรวารินทร์ อายุ 8 ขวบ เจ้าถิ่นจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า “ก่อนบวช ผมเป็นเด็กซุกซน ไม่ค่อยเชื่อฟังพ่อแม่ แต่พอมาบวช ได้เรียนรู้และเปลี่ยนความคิดตัวเองแล้วว่าต้องเชื่อฟังพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ให้มากขึ้น เป็นลูกศิษย์ที่ดี ซึ่งการบวชครั้งนี้ ผมประทับใจที่ได้ออกไปบิณฑบาตร ปลื้มใจที่มีคนยอมเสียสละเงินเพื่อซื้อของมาใส่บาตรให้เรา จะนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ เช่น ความอดทน สติ สมาธิ ไปพัฒนาการฝึกซ้อมเป็นนักกีฬาแบดมินตันของผมให้ดียิ่งขึ้น”
น้องปันปัน ด.ช.จิรกร ประวัง อายุ 7 ขวบ จากจังหวัดราชบุรี กล่าวว่า “รู้สึกดีใจมากที่ได้มาบวชโครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม ปี 8 ซึ่งทำให้เราได้ฝึกสติ สมาธิ และปัญญา ก่อนที่จะเข้าร่วมโครงการ สงสัยอยู่ว่าเราจะได้อะไรกลับไปไหม แต่พอมาบวชรู้ทันทีว่าได้ประโยชน์กลับไปมาก ตลอด 1 เดือนที่อยู่ที่สวนโมกข์ แห่งนี้ ประทับใจที่ได้ช่วยเหลือเพื่อน เรียนรู้การมีน้ำใจ เช่น ประคองเพื่อนๆ ไม่ให้ล้ม ก็อยากเชิญชวน ถ้าใครมีโอกาส มาลองบวชเป็นสามเณร จะได้สิ่งดีๆ กลับไปแน่นอน”
น้องเซฟ ด.ช.ศิรพัชร์ สวัสดิ์สิริเดช อายุ 10 ขวบ จ.สมุทรปราการ กล่าวว่า “ผมเคยตั้งคำถามว่าการนั่งสมาธิจะทำให้เราได้อะไร พอมาบวชก็ได้คำตอบว่าการนั่งสมาธิ ฝึกการนับลมหายใจ ทำให้เรามีสติมากขึ้น ผมประทับใจ กิจกรรมที่ต้องนับลมหายใจกับเพื่อนๆ ให้เป็นลมหายใจเดียวกัน ซึ่งให้แง่คิดเรื่องความสามัคคีและการมีความรักให้กัน ก็จะนำสิ่งที่พระอาจารย์สอนไปใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นเด็กดีต่อไป”
ทั้งนี้ ผู้สนใจ สามารถติดตามภาพความประทับใจของโครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม ปี 8 และรับชมรายการย้อนหลังได้ทางช่องทรูปลูกปัญญา ทรูวิชั่นส์ช่อง 37 และ 111 ซึ่งสามารถรับชมผ่านอุปกรณ์และจานรับสัญญาณระบบอื่นๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ได้แก่ PSI 248 และ DTV 315 ทุกวัน เวลา 7.00 – 8.00 น. ตั้งแต่ 1 – 31 กรกฎาคมนี้ รวมทั้งผ่านทางออนไลน์ได้ตั้งแต่วันนี้ที่ www.trueplookpanya.com/truelittlemonk และwww.youtube.com/Truelittlemonkthailand และแอปพลิเคชันทรูไอดี นอกจากนี้ ยังสามารถติดตามข่าวสารของโครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม ได้ที่ www.facebook.com/truelittlemonkthailand อีกด้วย