จ.เชียงใหม่, 23 เมษายน 2562 : นายนิพัฒน์ เกื้อสกุล รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า ปัจจุบันสภาพภูมิอากาศของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงจากภาวะโลกร้อนในทุกภูมิภาค ซึ่งประเทศไทยได้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ภัยแล้ง อุทกภัย วาตภัย ดินโคลนถล่ม ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิต ทรัพย์สินและพืชผลทางการเกษตร การประกันภัยพืชผลจึงเป็นแนวทางหนึ่งในการบรรเทาความเดือดร้อนจากการเกิดภัยพิบัติเพราะเกษตรกรสามารถนำเงินค่าชดเชยที่ได้รับจากการประกันภัยพืชผลไปลงทุนในรอบการเพาะปลูกใหม่ได้
โดย ในปีการผลิต 2562 ธ.ก.ส. ร่วมกับ บริษัทซมโปะ ประกันภัยฯ และบริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ฯ จัดทำโครงการประกันภัยพืชผลลำไยจากภัยแล้ง โดยใช้ค่าดัชนีฝนแล้ง ตรวจวัดด้วยดาวเทียม เป็นเกณฑ์การประเมินความเสียหาย ทั้งนี้เพื่อให้เกษตรกรได้รับความคุ้มครองกรณีเกิดปัญหาภัยแล้งและสร้างความเสียหายต่อการผลิต ช่วยสร้างทางเลือกในการบริหารจัดการความเสี่ยง และเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยดำเนินการใน 24 อำเภอของจังหวัด โดยมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 1,053 ราย
ทั้งนี้ โครงการประกันภัยพืชผลลำไยจากภัยแล้งฯ ได้สิ้นสุดระยะเวลาการขอเอาประกันภัยไปแล้วตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 โดยมีระยะเวลาในการวัดปริมาณน้ำฝนหรือระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 30 เมษายน 2562 รวม 61 วัน ซึ่งการวัดค่าปริมาณน้ำฝนในแต่ละวันตลอดระยะเวลาประกันภัยจะอ้างอิงข้อมูลจากระบบดาวเทียม GSMaP ผ่าน Website ของ ธ.ก.ส.
กรณีเกิดภาวะฝนแล้งได้รับชดเชยในอัตราร้อยละ 9 ของวงเงินในส่วนที่ขอเอาประกันภัย และกรณีภัยแล้งรุนแรงได้รับชดเชยร้อยละ 12 ของวงเงินในส่วนที่ขอเอาประกันภัย รวมอัตราค่าชดเชยไม่เกินร้อยละ 21 ของวงเงินในส่วนที่ขอเอาประกันภัย ซึ่งบริษัทผู้รับประกันภัยได้ ประมวลผลเพื่อพิจารณาจ่ายเงินชดเชยให้ในช่วงแรกก่อน (1–31 มีนาคม 2562) โดยสามารถบรรเทาความเสียหายของเกษตรกรจากภัยแล้งได้ถึง 584 ราย จำนวนเงินชดเชย 914,700 บาท เพื่อให้เกษตรกรที่อยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับเงินชดเชยสามารถนำเงินไปใช้จ่ายได้ทันสำหรับฟื้นฟูการเพาะปลูกลำไย ช่วยผ่อนปรนภาระเกษตรกรจากปัญหาการก่อหนี้สินเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวยังไม่สิ้นสุดระยะเวลาการพิจารณาการจ่ายเงินชดเชย ซึ่งบริษัทผู้รับประกันภัยจะประมวลผลเพื่อพิจารณาจ่ายเงินชดเชยอีกครั้ง ณ วันที่ 30 เมษายน 2562 โดยนำข้อมูลปริมาณฝนแล้งติดต่อกันตลอดระยะเวลาของการคุ้มครอง (1 มีนาคม – 30 เมษายน 2562) มาพิจารณาการจ่ายเงินชดเชยเพิ่มเติมตามเกณฑ์ต่อไป