กรุงเทพฯ 4 กรกฎาคม 2559 : กสิกรไทยออกโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยธุรกิจรองรับ พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ ช่วยให้ธุรกิจที่มีข้อจำกัดเรื่องหลักประกันเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้น โดยใช้ทรัพย์สินอื่นค้ำประกันวงเงิน ให้วงเงินกู้เอสเอ็มอีเพิ่มจากวงเงินเดิม 20% สูงสุด 10 ล้านบาท และให้วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อไว้ที่ 10,000 ล้านบาท
นายศีลวัต สันติวิสัฎฐ์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากการที่ พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจมีผลบังคับใช้ในวันนี้ (4 กรกฎาคม) ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น ผู้ประกอบการสามารถนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่มีอยู่ในกิจการไปใช้เป็นหลักประกันการขอสินเชื่อได้ และสามารถใช้หลักประกันนั้นในการดำเนินธุรกิจต่อไป โดยไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สินนั้นให้กับธนาคาร เช่น วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสินค้า สินค้าคงคลัง ลูกหนี้การค้า สิทธิการเช่า และกิจการ เป็นต้น
ธนาคารฯ จึงได้ออกโครงการสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการที่มีหลักประกันทางธุรกิจ สำหรับกลุ่มผู้ประกอบเอสเอ็มอี โดยใช้ลูกหนี้การค้าและสินค้าคงคลังมาเป็นหลักประกันเพื่อสนับสนุนเงินกู้ระยะยาวและเงินทุนหมุนเวียนให้กับลูกค้าปัจจุบัน ด้วยการให้วงเงินกู้เพิ่มเติม 20% จากวงเงินเดิมที่มีอยู่ สูงสุด 10 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนของกิจการและเสริมสภาพคล่อง
และในส่วนของลูกค้ารายใหญ่ ยังได้จัดทำโครงการสินเชื่อโดยมีลูกหนี้การค้าเป็นหลักประกัน สำหรับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ของธนาคาร เพื่อสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนให้กับธุรกิจในรูปของตั๋วสัญญาใช้เงิน ด้วยวงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท โดยผู้ใช้สินเชื่อทั้ง 2 โครงการจะต้องยินยอมให้ธนาคารนำทรัพย์สินเข้าจดทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า