วันเวลาช่างผ่านไปไวเหมือนโกหก เศรษฐกิจไทยก็เช่นกัน ภาพการฟื้นตัวเริ่มชัดเจนขึ้นมาทุกที และเห็นได้ชัด คือ ภาพเศรษฐกิจไทยช่วยไตรมาสแรกของปีนี้ ที่อัตราการเจริญเติบโตทางเสรษฐกิจ (GDP) ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ สามารถเติบโตได้สุงถึง 3.2% การเติบโตดังกล่าวมาจากหลายส่วนในการช่วยผลักดัน แต่ที่พระเอกหลักที่ไม่สามารถปฎิเสธได้ คือ ภาคการท่องเที่ยว ที่มีการเติบโตต่อเนื่อง จากกลุ่มนักท่องเที่ยวไทย
ล่าสุด อีไอซี บริษัทศูนย์วิจัย เครือธนาคารไทยพาณิชย์ ปรับประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้เป็น 2.8% จากเดิม 2.5% จากตัวเลขไตรมาสแรกที่ออกมาดีกว่าที่คาด และภาคการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเติบโตดีตลอดทั้งปี เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกขยายตัวได้ที่ 3.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นอัตราที่สูงกว่าที่คาดการณ์
โดยได้รับอานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายภาครัฐทั้งการบริโภคและการลงทุนในโครงการขนาดเล็กที่เติบโตสูง ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนเติบโตเร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ และมาตรการเงินโอนให้แก่กองทุนหมู่บ้านเพื่อใช้ในการลงทุน
การเติบโตของภาคการท่องเที่ยวและแรงสนับสนุนจากภาครัฐเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวได้สูงในไตรมาสแรกและยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งจากจำนวนนักท่องเที่ยวและการใช้จ่ายต่อหัวที่เพิ่มขึ้น อีไอซีปรับประมาณการการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้เป็น 15% จากเดิม 9% ขณะที่การเร่งเบิกจ่ายของภาครัฐ และมาตรการสนับสนุนทางการเงินในภูมิภาคมีบทบาทอย่างมากต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรก อีไอซีคาดว่าการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งจะส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง
ขณะที่ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics คาดว่า นักท่องเที่ยวจีนทศวรรษหน้าจะแรงจนฉุดไม่อยู่ แนะภาครัฐและภาคเอกชนเรียนรู้พฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนยุคใหม่ เพื่อหาโอกาสนำเงินก้อนโตเข้าประเทศ โดยปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาถึง 29.9 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 1.45 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 11%ของจีดีพี เมื่อเจาะลึกลงไปจะพบว่า “นักท่องเที่ยวจีน” เป็นกลุ่มที่เข้ามาในไทยมากที่สุด และยังมีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง
โดยสี่เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-เม.ย.59) มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาแล้วจำนวน 3.45 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 27.3% และมีสัดส่วนคิดเป็น 30%ของนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาไทย ในขณะที่มูลค่าเม็ดเงินที่นำเข้ามาก็มีทิศทางเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยในปี 2558 ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวต่อหัวเฉลี่ยอยู่ที่ 4.7 หมื่นบาทเพิ่มขึ้นกว่า 1.5 เท่าตัวเมื่อเทียบกับห้าปีก่อน
มองไปในทศวรรษหน้า “นักท่องเที่ยวจีนจะยังเติบโตอีกมาก” Goldman Sachs คาดว่าอีก 10 ปีข้างหน้า (2568) จะมีชาวจีนออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 120 ล้านคน เป็น 220 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในวัยหนุ่มสาวที่กำลังจะจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย โดยจะเป็นกลุ่มที่มีรายได้ตั้งแต่ระดับปานกลางขึ้นไป และสามารถใช้อินเตอร์เน็ตในการสืบค้นข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวประเทศต่างๆ ได้
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจฯ คาดว่าใน 10 ปีข้างหน้าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไทยเพิ่มขึ้นกว่า 25 ล้านคน จากปัจจุบัน 8 ล้านคน เนื่องจากไทยเป็นที่รู้จักของชาวจีนมากขึ้นและการเดินทางไม่ไกลนัก จากแนวโน้มนี้อาจกล่าวได้ว่า นักท่องเที่ยวจีนยุคใหม่จะมีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งด้านปริมาณและกำลังซื้อที่สูงขึ้น เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ไทยควรที่จะเตรียมพร้อมแสวงหาโอกาสนี้ ทั้งนี้มีรายงานวิจัยตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่น่าสนใจเรื่อง Market Research Report on Chinese Outbound Tourist (City) Consumption ซึ่งสามารถนำผลการสำรวจดังกล่าวมาศึกษาเรียนรู้นักท่องเที่ยวจีนมากขึ้น ได้แก่
“คนจีน 75% นิยมใช้โซเซียลเน็ตเวิร์ค 44% ใช้เว็บไซต์ในประเทศค้นหาแหล่งท่องเที่ยว” จะเห็นว่าการสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นช่องทางประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวที่มีประสิทธิภาพสูง ดังนั้น ผู้ประกอบการควรจัดทำเว็บไซต์ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวไทยด้วยภาษาจีน เพื่อเพิ่มโอกาสให้นักท่องเที่ยวจีนได้รับรู้ และเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น โดยคนจีน 70% ชื่นชอบท่องเที่ยวแหล่งธรรมชาติ 50% ชื่นชอบอาหารอร่อย”
ฝ่ายวิจัยพบอีกว่า แหล่งท่องเที่ยวไทยมีความพร้อมที่จะตอบสนองได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามเพื่อให้แหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้ยังคงอยู่อย่างยั่งยืน ไทยจะต้องปลูกฝังทัศนคติของประชาชนให้หวงแหนสิ่งแวดล้อม และจะต้องกำหนดบทลงโทษที่เข้มงวดต่อผู้ฝ่าฝืนกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมไปถึงจะต้องรักษาคุณภาพการบริการด้านการท่องเที่ยวให้มีมาตรฐาน และหากมีการปรับราคาสินค้าก็ควรทำในระดับที่สมเหตุสมผล
“คนจีน 38% กังวลด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน” ดังนั้น ไทยจะต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้เพิ่มขึ้น โดยในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องให้บริการด้านความปลอดภัยอย่างทั่วถึง ในส่วนของเอกชนและประชาชนจะต้องคอยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ หากเกิดสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัยขึ้น จะต้องรีบแจ้งโดยทันที กล่าวคือ ในทศวรรษหน้านักท่องเที่ยวจีนยุคใหม่จะออกมาท่องเที่ยวยังต่างประเทศมากขึ้น คนกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มที่มีการศึกษาและมีกำลังซื้อสูง
ดังนั้น ภาครัฐและภาคเอกชนควรที่จะหาโอกาสจากเทรนด์นี้ ด้วยการนำพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนมาหารือร่วมกันเพื่อออกแบบนโยบายจูงใจให้มาเที่ยวไทย โดยสิ่งใดที่ประเทศไทยมีจุดเด่นอยู่แล้วก็ให้รักษาไว้ แต่สิ่งใดที่ยังอ่อนด้อยอยู่ก็ปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อจะนำไปสู่เม็ดเงินก้อนโตที่จะเข้ามาในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย”