1 เมษายน 2562 : ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงานในปี 2562 ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าเบี้ยประกันรับรวมไว้ที่ 20,000 ล้านบาท และพยายามรักษาระดับกำไรจากการรับประกันภัยไว้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 และกำต่อหุ้นไม่ต่ำกว่า 15 บาท
สำหรับทิศทางการดำเนินงานที่จะไปให้ถึงเป้าหมายนั้น กำหนดไว้ 4 ด้านหลักๆ ได้แก่
1.การขยาด้านการประกันภัยรถยนต์เชิงรุก โดยตั้งเป้าเติบโตร้อยละ 20 ทำให้สัดส่วนประกันรถยนต์เพิ่มเป็นร้อยละ 43 จากร้อยละ 4 ในปีที่ผ่านมา ตลอดจนนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มาให้บริการ ซึ่งสามารถอำนวยความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการเคลมสินไหมทดแทน โดยมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ปีนี้ เช่น Motor Pricing by Region ที่มีการขยายงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึง Loss Ratio อยู่ในระดับที่ดี คือร้อยละ 50
“ปัจจัยที่จะส่งผลให้เป้าหมายเบี้ยประกันเป็นไปในทิศทางทีดี มาจากปัจจัยทางด้านรถยนต์ใหม่ปี 61 เติบโต 1.3 ล้านคัน คาดว่าปี 62 อาจจะเติบโตไม่เท่าแต่รถที่ออกสู่ตลาดประมาณ 8-9 แสนคัน รวมถึงหลายบริษัทประกันภัยหลายแห่งปรับเบี้ยประกันเพิ่มขึ้น 10-15% แต่กรุงเทพประกันภัยไม่ได้ปรับ จึงเชื่อว่าตัวแทนขายจะมูฟงานมาทำกับบริษัทเพิ่มขึ้น รวมถึงมีหลายบริษัทที่ปิดตัวลง ลูกค้าก็จะเลือกทำประกันภัยกับบริษัทที่แข็งแกร่งมั่นคง”
ประกันภัยรถบรรทุก ที่มีการขยายงานอย่างจรังจังตั้งแต่ปลายปี 2561 ผ่าน Package Truck We Insurance โดยปีนี้ 2562 ตั้งเป้าเพิ่มเบี้ยประกัน 1,059 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 อีกทั้งยังอยู่ระหว่างการศึกษากรมธรรม์ประกันภัยรถบรรทุก Logistic ผนวกกับการประกันภัย Carriers’ liability การประกันรถยนต์ประเภท 2+ ประกันรถยนต์ประเภท 3 มีการปรับปรุงแพกเกจเพิ่มเติม
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังพัฒนาการให้บริการหลังการขาย และบริการสินไหมทดแทน โดยนำระบบ AI Motor Claim Contact Center มาเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะในการรับโทรศัพท์จากลูกค้า โดยระบบสามารถประเมินความต้องการของลูกค้าที่สนทนาด้วยน้ำเสียงเสมือนจริง เช่นการแจ้งอุบัติเหตุเพื่อให้เจ้าหน้าที่ไปให้บริการเคลม ณ จุดเกิดเหตุ หรือติดต่อสอบถามเรื่องอื่นๆ เช่น การจัดซ่อมรถ การทำประกันภัย โดยระบบจะโอนสายให้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบดูแลลูกค้าต่อได้ทันที ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มให้บริการไตรมาส
การให้บริการเคลมผ่านแอปพลิเคชั่น Line โดยใช้ชื่อว่า @bkimotorclaims โดยลูกค้าสามารถแจ้งเคลมประกันรถยนต์ และติดต่อสอบถามกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินไหมทดแทนได้ทันที ทั้งการส่งข้อความ ส่งรูปภาพที่ได้รับความเสียหาย และแชร์ตำแหน่งที่อยู่ (Location) ณ จุดเกิดเหตุได้
การนัดหมายนำรถเข้าซ่อม (Repairing Appointment Service) เมื่อลูกค้าแจ้งเปิดเคลมและจะนำรถเข้าซ่อมในอู่คู่สัญญา บริษัทฯ จะส่งอีเมลแจ้งเตือนให้อู่ซ่อมรถติดต่อลูกค้าในวันรุ่งขึ้น เพื่อนัดคิวนำรถเข้าซ่อม เพื่อลดระยะเวลาในการจอดซ่อมนาน โดยอู่จะเสนอการให้บริการรับ-ส่งรถให้แก่ลูกค้าทราบด้วย ซึ่งเป็นบริการเสริมพิเศษ
เมื่อลูกค้าแจ้งอุบัติเหตุผ่าน Call Center 1620 เจ้าหน้าที่จะทำการบันทึกสถานที่เกิดเหตุ ระบบจำนำข้อความสถานที่ที่ถูกบันทึกไปหาที่ตั้งค่าบน Google map แล้วระบุค่า Latitude/Longitude พร้อม Mark จุดเพื่อให้ทราบตำแหน่งของลูกค้าแล้วกำหนดเป็นศูนย์กลางขยายวงหาตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ที่ใกล้ที่สุด เพื่อแจ้งให้ออกไปบริการลูกค้า รวมถึง การรับแจ้งอุบัติเหตุผ่าน Application BKI iCare ภายใต้ Function การทำงาน Locate me
2.การขยายงาน Non Motor โดยบริษัทยังคงมุ่งขยายงานโครงการ MEga Projects ประกันภัยภาครัฐ และงานตลาดเฉพาะกลุ่ม เช่น ประกันภัย Engineering, Aviation, ประกันภัย D&O (Director & Officer Liability Insurance) ซึ่งมีฐานลูกค้าเฉพาะกลุ่มและยังมีคู่แข่งขันน้อยราย
3.การพัฒนาด้านเทคโนโลยี ได้แก่
* การนำ Robotic Process Automation ที่ใช้เทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพและลดข้อผิดพลาดในการทำงานของพนักงาน รวมทั้งลดต้นทุนในการดำเนินงานของบริษัทฯ เช่น งาน Travel Accident for Tour Operators and Guides Insurance Process, งาน Marine, IAR เป็นต้น
* บริษัทฯ พัฒนาแอปพลิเคชั่น Journeys by BKI ที่นำเทคโนโลยี AI มาใช้เรียนรู้กิจวัตรประจำวันและพฤติกรรมของผู้ใช้งานว่า มีกิจกรรมในแต่ละช่วงเวลาอย่างไร รวมถึงการประเมินความปลอดภัยในการขับขี่ยานยนต์ เพื่อนำไปจัดกลุ่มไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล หลังจากนั้น แอปพลิเคชั่นจะให้คำแนะนำและข้อมูลข่าวสารต่างๆ แบบเฉพาะบุคคล ที่จะช่วยให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยงด้านต่างๆ เน้นการอำนวยความให้แก่ผู้ใช้งานมากที่สุด ตลอดจนสิทธิพิเศษส่วนลดเบี้ยประกันภัยเฉพาะบุคคลอีกด้วย
4.การพัฒนาด้านอื่นๆ ได้แก่
*บริษัทฯ วางแผนเพิ่มจำนวน Risk Engineer และเพิ่มจำนวนตัวแทนใหม่
*เพิ่มอัตราการต่ออายุกรมธรรม์ 2% โดยในปี 2561 ทำได้ 83.1 เพิ่มจากร้อยละ 81.7 ในปีก่อนหน้า
*ขยายงานลูกค้ารายย่อยอย่างต่อเนื่อง ในปี 2561 มีอัตราเติบโตร้อยละ 8.1 และคิดเป็นสัดส่วนเบี้ยประกันภัยรับร้อยละ 48.7 ของเบี้ยประกันรับตรง
*ขยายสาขาใหม่อีก 3 แห่ง ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร สุพรรณบุรี และลำปาง นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างความเป็นไปได้ในการเพิ่มการลงทุนในประเทศ เวียดนาม อีกด้วย
ดร.อภิสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า เมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา บริษัทฯ เปิดตัวกรมธรรม์ใหม่ “ประกันภัยโรคร้ายจากยุง” เพื่อคุ้มครองการเจ็บป่วยจาก 5 โรคร้ายที่เกิดจากยุง ได้แก่ โรคไข้เลือดออก โรคติดเชื้อไวรัสซิกา โรคไขสมองอักเสบเจอี โรคไข้ปวดข้อยุงลายหรือชิคุณกุนยา และโรคไข้จับสั่นหรือโรคไข้ป่า โดยกรณีที่ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล จะได้รับผลประโยชน์ทันทีชดเชยรายได้รายวันสูงสุด 1,500 บาท สูงสุดไม่เกิน 30 วัน
และกรณีนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลไม่น้อยกว่า 3 วันติดต่อกันจะได้รับเงินชดเชยปลอบขวัญตั้งแต่ 10,000 บาท สูงสุดถึง 50,000 บาท โดยมีเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 99 บาท/ปี, 199 บาท/ปี และ 299 บาท/ปี รวม 3 แผนความคุ้มครอง โดยรับประกันภัยตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 70 ปี และสามารถต่ออายุได้จนถึง 100 ปี และโปรโมชั่นพิเศษสำหรับวันนี้จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2562 เฉพาะผู้ทำประกันภัยจากยุง แผนที่ 1 จาก 99 บาท เหลือเพียง 72 บาท/ปี