แฮมิลตัน, เบอร์มิวดา, 29 มีนาคม 2562 : บริษัท Oil Insurance Limited (OIL) จัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ในวันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม ณ Hamilton Princess ประเทศเบอร์มิวดา ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาและอนุมัติงบการเงินประจำปี 2561 รวมทั้งเลือกตั้งคณะกรรมการบริษัท
OIL ขาดทุนจากการรับประกันภัย 404.6 ล้านดอลลาร์ในปี 2561 และหลังรวมรายได้จากการลงทุนสุทธิและค่าใช้จ่ายในการบริหารแล้ว OIL มีผลขาดทุนสุทธิ 675.6 ล้านดอลลาร์ในปีดังกล่าว สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงบการเงินประจำปี 2561 ของ OIL กรุณาเข้าไปที่เว็บไซต์ www.oil.bm เพื่อดูงบการเงินที่สอบทานแล้ว โดยภายหลังพิจารณางบการเงินงวดสิ้นปี ผู้ถือหุ้นได้อนุมัติงบการเงินและแต่งตั้ง KPMG ให้กลับมาทำหน้าที่เป็นผู้สอบบัญชีสำหรับปีงบการเงิน 2562
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รายงานในที่ประชุมสามัญประจำปี (AGM) ครั้งนี้ว่า คณะกรรมการฯ มีมติจ่ายเงินปันผลจำนวนรวม 250 ล้านดอลลาร์ให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกรายที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 1 มกราคม 2562 โดยจะจ่ายเงินปันผลภายในวันที่ 30 สิงหาคม 2562
Theodore Guidry II ประธานคณะกรรมการฯ ชี้แจงว่า “คณะกรรมการฯ ได้มีมติจ่ายเงินปันผล 250 ล้านดอลลาร์ หลังจากพิจารณาแผนการบริหารเงินกองทุน (Capital Management Plan) ระยะเวลาหลายปีของบริษัทอย่างรอบคอบแล้ว แม้ผลการดำเนินงานทางการเงินในปี 2561 จะเผชิญกับความท้าทาย แต่แผนการดังกล่าวบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า บริษัทมีเงินทุนเพียงพอที่จะจ่ายเงินปันผลโดยไม่ส่งผลกระทบต่อความเข้มแข็งของเงินทุนและฐานะการเงินของบริษัท เช่นเดียวกับในอดีตที่เรามีนโยบายที่จะคืนทุนให้แก่ผู้ถือหุ้น หากสามารถทำได้”
ประการสุดท้าย ผู้ถือหุ้นได้อนุมัติการเปลี่ยนแปลงสองข้อในสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้น (Shareholders Agreement) ข้อแรกเป็นการป้องกันบริษัทจากความเป็นไปได้ที่จะเกิดหนี้สูญ (credit losses) ในอนาคต โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2562 นี้ ผู้ถือหุ้นทุกรายต้องได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับที่ลงทุนได้ หากต้องการมีสิทธิที่จะเลือกหรือยังคงมีสิทธิเลือก Retrospective Premium Plan ที่อนุญาตให้ผู้ถือหุ้นซื้อแผนประกันภัยย้อนหลังสูงสุด 40% ของเพดาน 400 ล้านดอลลาร์ในช่วงห้าปี
ส่วนการเปลี่ยนแปลงข้อที่สองทำให้ผู้ถือหุ้นไม่จำเป็นต้องแจ้งทรัพย์สินที่อยู่ใน Offshore Region ของอ่าวเม็กซิโก เพื่อวัตถุประสงค์ในการกำหนดอัตราร้อยละของกองทุน Windstorm ใน Offshore โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้ OIL ไม่รวมความคุ้มครองสำหรับ Offshore Gulf of Mexico Windstorm เริ่มตั้งแต่ปี 2561
Bertil C. Olsson ประธานและซีอีโอ กล่าวแสดงความเห็นว่า “แม้ปี 2561 กลายเป็นปีที่ท้าทายทางด้านการเงิน แต่ OIL ยังคงมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าในระยะยาว และเรายังคงมีความมุ่งมั่นและความเชื่ออันแรงกล้าในระบบของเราโดยอิงจากฐานผู้ถือหุ้น ทั้งนี้ OIL เรียกเก็บค่าเบี้ยประกันภัยจากผู้ถือหุ้นเป็นมูลค่า 2.1 พันล้านดอลลาร์ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา
ขณะที่คืนเงินปันผล 1.8 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกัน แม้ค่าเบี้ยประกันภัยเพิ่มขึ้นในปี 2562 แต่การจ่ายเงินปันผลตามที่ประกาศล่าสุดนี้ จะช่วยชดเชยค่าเบี้ยประกันภัยที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญให้กับสมาชิกของเรา โดย OIL จะยังคงดำเนินงานจากสถานะที่แข็งแกร่ง และจะยังคงนำเสนอมูลค่าระยะยาวแก่บริษัทพลังงานชั้นนำของโลกต่อไป”
George Hutchings รองประธานอาวุโสและซีโอโอ ระบุว่า “บริษัทบรรลุผลสำเร็จที่สำคัญในปี 2561 โดยมีการดำเนินแผนริเริ่มเชิงกลยุทธ์แล้วเสร็จสมบูรณ์หลายแผน ซึ่งรวมถึงการทำตามคำมั่นสัญญาในการมอบ Data Analytics อย่างละเอียดแก่นักวิเคราะห์ในการประชุมสามัญประจำปี การเดินหน้าปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน และการที่ Standard & Poors ได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตของ OIL ขึ้นหนึ่งขั้นสู่ระดับ “A” พร้อมให้แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพในเดือนกันยายน 2561
นอกจากนี้ เรายังได้รับความสนใจอย่างมากจากบริษัทพลังงานทั่วโลก และยินดีที่จะประกาศว่า Braskem S.A. ได้เข้ามาร่วมกับเราในเดือนธันวาคม 2561 ในฐานะสมาชิกรายแรกจากอเมริกาใต้”
ภายหลังปิดการประชุม AGM ทางคณะกรรมการได้ประชุมร่วมกันและเลือก Theodore Guidry II เป็นประธานคณะกรรมการ และ Fabrizio Mastrantonio เป็นรองประธานคณะกรรมการประจำปี 2562
อนึ่ง : ออยล์ อินชัวรันซ์ ลิมิเต็ด (OIL) รับประกันภัยสินทรัพย์ด้านพลังงานทั่วโลกคิดเป็นมูลค่ากว่า 3.0 ล้านล้านดอลลาร์ให้แก่สมาชิกกว่า 50 ราย ด้วยจำนวนเงินจำกัดความรับผิดในทรัพย์สินสูงสุดถึง 400 ล้านดอลลาร์ รวมมูลค่ากว่า 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ของขีดความสามารถในการรับประกันภัยทรัพย์สินที่ได้รับการจัดอันดับที่ A- กลุ่มสมาชิก ได้แก่ บริษัทพลังงานขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ทั้งในภาครัฐ และภาคเอกชนที่มีสินทรัพย์ทางกายภาพอย่างน้อย 1 พันล้านดอลลาร์
และมีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับน่าลงทุนหรือเทียบเท่า ผลิตภัณฑ์/ความคุ้มครองที่บริษัทจัดให้นั้นได้แก่ทรัพย์สิน (ความเสียหายทางกายภาพ) ลมพายุ (ยกเว้นนอกชายฝั่งอ่าวเม็กซิโก) มลพิษที่เกิดขึ้นแบบกะทันหัน การควบคุมบ่อน้ำมัน การกำจัดซากเรือที่เสียหาย การก่อการร้าย ไซเบอร์ การก่อสร้าง และเรือบรรทุก สำหรับภาคอุตสาหกรรมที่ OIL ให้ความคุ้มครองได้แก่การสำรวจและผลิตทั้งนอกชายฝั่งและบนบก การกลั่นและการตลาด ปิโตรเคมีภัณฑ์ การทำเหมืองแร่ ท่อส่ง สาธารณูปโภคไฟฟ้า พลังงานหมุนเวียน และภาคธุรกิจพลังงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง