กรุงเทพฯ 30 มิถุนายน 2559 : ธนาคารแห่งประเทศทย รายงาน เศรษฐกิจไทยในเดือนพฤษภาคม 2559 ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน ตามแรงขับเคลื่อนจากภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งอุปสงค์ในประเทศที่กระเตื้องขึ้น โดยการบริโภคภาคเอกชนปรับดีขึ้น ตามการใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทนเป็นหลัก ส่วนหนึ่งเพราะกำลังซื้อของครัวเรือนเกษตรเริ่มปรับดีขึ้นจากราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้นและปัญหาภัยแล้งที่คลี่คลาย ประกอบกับการใช้จ่ายลงทุนของภาครัฐกลับมาขยายตัวดี
ด้านการส่งออกสินค้าที่ยังคงหดตัว ส่งผลให้การผลิตและการลงทุนภาคเอกชนโดยรวมยังอยู่ในระดับต่ำ ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเป็นบวกต่อเนื่องจากเดือนก่อนตามการเพิ่มขึ้นของราคาอาหารสดและราคาน้ำมัน อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลจากรายได้ภาคการท่องเที่ยวที่ดีและมูลค่าการนำเข้าที่อยู่ในระดับต่ำ
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจไทยมีดังนี้
ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวดีต่อเนื่องและเป็นแรงส่งที่สำคัญของเศรษฐกิจไทย โดยจำนวนนักท่องเที่ยวรวมขยายตัวร้อยละ 7.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน และเห็นการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวเกือบทุกสัญชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวรัสเซียที่มีแนวโน้มสูงขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 การบริโภคภาคเอกชนปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน โดยการใช้จ่ายในสินค้าอุปโภคบริโภคและหมวดบริการยังมีทิศทางขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่การใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทนกลับมาขยายตัว
ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย และการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ประกอบกับกำลังซื้อของครัวเรือนค่อยๆ ปรับดีขึ้น โดยเฉพาะครัวเรือนเกษตรตามทิศทางราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้น และปริมาณผลผลิตที่เริ่มทรงตัวหลังภาวะภัยแล้งคลี่คลาย ซึ่งส่งผลให้ความเชื่อมั่นของครัวเรือนเกษตรปรับเพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับการใช้จ่ายของครัวเรือนนอกภาคเกษตร ช่วยสนับสนุนการบริโภคภาคเอกชนผ่านการขยายตัวของการจ้างงาน ทั้งในภาคการผลิต และภาคบริการ
แรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภาครัฐดีขึ้นในเดือนนี้ โดยรายจ่ายลงทุนกลับมาขยายตัวดีหลังแผ่วไปบ้างในช่วงก่อน โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการด้านคมนาคมและชลประทาน ขณะที่รายจ่ายประจำขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ตามการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการและรายจ่าย เพื่อการซื้อสินค้าและบริการ
มูลค่าการส่งออกสินค้าหดตัวร้อยละ 3.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน แต่หากไม่นับรวมการส่งออกทองคำที่เร่งขึ้นในเดือนนี้ มูลค่าการส่งออกหดตัวร้อยละ 5.6 ซึ่งเป็นการหดตัวในอัตราที่น้อยลงจากเดือนก่อน โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากระดับการส่งออกยานยนต์ในปีที่แล้วที่ต่ำ ประกอบกับสินค้าบางหมวดขยายตัวได้ อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศที่การส่งออกไปยังตลาดอาเซียนขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะเวียดนาม ที่ภาคอสังหาริมทรัพย์เติบโตดี และการส่งออกไปสหภาพยุโรปได้รับประโยชน์จากสภาพอากาศที่ร้อนกว่าปกติ อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าส่วนใหญ่ยังหดตัวเพราะเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญฟื้นตัวช้า
การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวเล็กน้อยจากระยะเดียวกันปีก่อน ด้วยผลของฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว และอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่ปรับดีขึ้นในบางหมวดสินค้า อาทิ ยานยนต์ที่ขยายตัวสูง เนื่องจากในปีก่อนมีการหยุดการผลิตเพื่อปรับเปลี่ยนสายการผลิต ประกอบกับในปีนี้ความต้องการรถกระบะดัดแปลงขยายตัวดีต่อเนื่อง และเครื่องปรับอากาศที่ขยายตัวดีเพราะสภาพอากาศที่ร้อนกว่าปกติ
อย่างไรก็ตาม การผลิตในหลายอุตสาหกรรมยังคงหดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน เพราะอุปสงค์จากต่างประเทศยังต่ำ ส่วนหนึ่งจากข้อจำกัดเชิงโครงสร้าง เช่น ความสามารถในการปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ ให้ตอบสนองต่อรสนิยมของผู้บริโภคสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น มูลค่าการนำเข้าสินค้าหดตัวเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.2 จากระยะเดียวกันปีก่อน แต่หากไม่รวมทองคำ มูลค่าการนำเข้าหดตัวร้อยละ 1.9 ซึ่งเป็นการหดตัวในอัตราที่น้อยลงจากเดือนก่อน โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว ประกอบกับมูลค่าการนำเข้าสินค้าขั้นกลางและวัตถุดิบปรับสูงขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ เป็นสำคัญ
นอกจากนี้ การนำเข้าสินค้าทุนปรับดีขึ้นบ้าง แต่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นการน าเข้าอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมและพลังงานทดแทน สะท้อนภาวะการลงทุนภาคเอกชนที่การฟื้นตัวยังจำกัดอยู่เฉพาะในบางธุรกิจ ขณะที่การลงทุนในภาคธุรกิจอื่น ๆ ทรงตัวในระดับต่ำเนื่องจากภาคอุตสาหกรรมยังมีกำลังการผลิตเหลือสอดคล้องกับการระดมทุนของภาคธุรกิจ ที่ยังมีทิศทางชะลอลงเมื่อหักผลของการระดมทุน เพื่อควบรวมกิจการที่มีมูลค่าสูงเป็นพิเศษในเดือนนี้
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 0.46โดยเป็นบวกต่อเนื่องจากเดือนก่อน ตามการเพิ่มขึ้นของราคาอาหารสดและราคาน้ำมัน อัตราการว่างงานปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่ยังอยู่ในระดับต่ำ ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. จากรายได้ภาคการท่องเที่ยวที่ดีต่อเนื่องและมูลค่าการนำเข้าที่อยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลสุทธิ0.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ. จาก 1) การลงทุนโดยตรงในธุรกิจค้าปลีกของผู้ประกอบการไทยในประเทศเวียดนาม และ 2) การขายหลักทรัพย์ของนักลงทุนต่างประเทศ ตามการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในช่วงดังกล่าว