28 กุมภาพันธ์ 2562 : นายไบรอัน สมิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดเผยว่า ปี 2562 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดเบี้ยประกันรับรวมไว้ 33,000 ล้านบาท แบ่งเป็น เบี้ยประกันรับที่มาจากช่องทางตัวแทน 15,000 ล้านบาท จากช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ 11,000 ล้านบาท จากช่องทางไดเรกมาร์เก็ตติ้ง 5,000 ล้านบาท และช่องทางประกันกลุ่ม+ดิจิทัล 2,000 ล้านบาท
โดยเป้าหมายทางด้านเบี้ยประกันภัยรับปีแรกกำหนดไว้ 6,500 ล้านบาท ในจำนวนดังกล่าว จะแยกเป็นเบี้ยประกันรับที่มาจากช่องทางตัวแทน 2,500 ล้านบาท จากช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ 1,700 ล้านบาท ช่องทางไดเรกมาร์เก็ตติ้ง 1,800 ล้านบาท และประกันกลุ่ม+ดิจิทัลอีก 500 ล้านบาท
นายไบรอัน กล่าวว่า ที่ผ่านมาถือเป็นอีกปีแห่งความสำเร็จของอลิอันซ์ อยุธยา ที่นอกจากจะสามารถพิชิตเบี้ยประกันภัยรับรวมได้ตามเป้าแล้ว ธุรกิจในประเทศไทยยังเติบโตต่อเนื่องและเป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญที่สร้างรายได้สูงสุดให้กับอลิอันซ์ในเอเชีย อลิอันซ์ อยุธยา จึงได้วาง กลยุทธ์เพื่อเติบโตธุรกิจระยะยาว 7 ปี ถึงปีพ.ศ. 2568 [2025] โดยยังคงเน้นสานต่อกลยุทธ์สำคัญ 5 ด้านได้แก่
ด้านที่ 1. Digital การรุกธุรกิจเข้าไปสู่ช่องทางดิจิทัล เน้นใช้ช่องทางดิจิทัลผลักดันธุรกิจให้เติบโต ผ่านการหาพันธมิตรรายใหม่ในการพัฒนาช่องทางการขาย อาทิ การสานต่อความสัมพันธ์ของอลิอันซ์ และ Go-Jek สตาร์ทอัพยูนิคอร์นจากเอเชีย ในตลาดประเทศไทย นอกจากนั้น ยังเน้นการนำเอาเทคโนโลยี มาใช้พัฒนาการให้บริการลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เช่น Allianz Discover ในช่องทางตัวแทน Digital for Life เพื่อสนับสนุนการขายของช่องทางธนาคาร ระบบ Robotics ที่เอามาช่วยการทำงานแบบอัตโนมัติในสายงานต่างๆ เช่น สายงานการเงิน การใช้ Big Data เพื่อมาวิเคราะห์ข้อมูล
ด้านที่ 2. Health Leadership มุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันสุขภาพแห่งอนาคต โดยจับมือกับผู้นำด้านบริการสุขภาพอย่าง BMDS ในการให้บริการด้านสุขภาพดิจิทัลอย่างครบวงจร พร้อมสร้างการเติบโตให้กับแพลตฟอร์มออนไลน์ Healthy Living ที่หวังจะให้เป็นชุมชนด้านสุขภาพขนาดใหญ่ขึ้น ที่นอกจากจะช่วยสร้างความผูกพันระหว่างลูกค้าและแบรนด์อลิอันซ์ อยุธยา ได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังถือเป็นแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่สำหรับบริษัทในการพัฒนาธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพอีกด้วย
“เป้าหมายระยะยาว 7 ปีข้างหน้า บริษัทฯ คาดหวังจะก้าวขึ้นสู่อันดับ 1 ด้านการประกันสุขภาพ จากปัจจุบันมีอัตราการเติบโตอยู่อันดับ 2 ของทั้งระบบ และมีเบี้ยรับติดอันดับ 3 ของระบบ รวมไปถึงตั้งใจจะเป็นองค์กรทีทำงานโดยไม่ใช้กระดาษ ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการมุ่งไปสู่เป้าหมายดังกล่าว โดยจะสอดรับกับการขยายตลาดผ่านช่องทางตัวแทนเป็นหลัก แต่ ณ ขณะนั้น ตัวแทนทุกคนจะต้องเป็น “ตัวแทนดิจิทัล” โดยมีระบบการทำงานที่เป็นรูปแบบดิจิทัลเสริมเข้ามาร่วมด้วย และท้ายสุดก็คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตจากช่องทางนี้อีกไม่น้อยกว่า 30%” นายไบอัน กล่าว
ด้านที่ 3. Professional Agency การพัฒนาช่องทางการขายผ่านตัวแทน เน้นสร้างและพัฒนาตัวแทนที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสรรหาและพัฒนาตัวแทนเต็มเวลาเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน สร้างตัวแทนมืออาชีพที่สร้างผลงานสม่ำเสมอ และพัฒนาตัวแทนยุคดิจิทัลที่มุ่งสู่ระบบ Paperless ภายในปีพ.ศ. 2563
“ปัจจุบันบริษัทฯ มีตัวแทน 11,000 คน ระหว่างปี 2561 มีการรีครูตตัวแทนใหม่เพิ่มเข้ามาอีก 5,000 คน ที่เป็นตัวแทนแอ็คทีฟและมีการทำงานที่สม่ำเสมอ รวมไปถึงบริษัทฯ ยังมีโครงการ BLUE STAR X เป็นโครงการที่มุ่งสร้างตัวแทนที่ทำงานแบบเต็มเวลา ซึ่งในปี 2561 มีการสร้างบุคลากรในโครงการนี้ไว้ 200 คน ดังนั้น คาดว่าในปี 2562 จะเพิ่มเป็น 300 คน
สำหรับช่องทางไดเรกมาร์เก็ตติ้งนับว่ามีอัตราการเติบโตเป็นขั้นตอน ย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อน มีเบี้ยประกันรับเพียง 160 ล้านบาท ปัจจุบันทำผลงานได้ 1,600 ล้านบาท จากจำนวน 160 คน ปัจจุบันเพิ่มเป็น 650 คน นับว่าเป็นช่องทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างมีอนาคตที่ดี
ด้านที่ 4. One Allianz Ayudhya การผสานพลังธุรกิจประกันชีวิตและประกันภัย ภายใต้แบรนด์ อลิอันซ์ อยุธยา ซึ่งจะทำให้แบรนด์ อลิอันซ์ อยุธยา มีความแข็งแกร่งและสามารถเสนอขายผลิตภัณฑ์และบริการทั้งในส่วนของประกันชีวิตและประกันภัยได้อย่างครบวงจร สร้างความสะดวกให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น ด้วยรูปแบบ One Stop Service
และ 5. True Customer Centricity (TCC) วัฒนธรรมองค์กรที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักที่ขับเคลื่อน อลิอันซ์ อยุธยา มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง TCC ไม่ได้หมายความถึงเพียงผู้ถือกรมธรรม์เท่านั้น แต่พนักงาน ฝ่ายขาย และพันธมิตรทางธุรกิจ ต่างก็เป็นลูกค้าที่สำคัญของกันและกัน โดยตัวชี้วัดความสำเร็จที่สำคัญ ก็คือการสร้างความพึงพอใจจนลูกค้าอยากบอกต่อ หรือ NPS Score และความผูกพันที่พนักงานมีกับองค์กร หรือ AES Score ให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต