11 กุมภาพันธ์ 2562 : กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาท ในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.25-31.65 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 31.47 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิมูลค่า 200 ล้านบาท และ1.5 พันล้านบาท ตามลำดับ
ส่วนเงินดอลลาร์แข็งค่าเทียบทุกสกุลเงินสำคัญ โดยได้แรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจของเขตยูโรโซนที่อ่อนแอเกินคาด และธนาคารกลางอังกฤษมีมติด้วยเสียงเอกฉันท์ให้ตรึงดอกเบี้ยที่ 0.75% และปรับลดประมาณการเศรษฐกิจท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวทาง Brexit
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่านักลงทุนจะติดตามความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนก่อนที่จะถึงกำหนดเส้นตายการปรับขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มเติมในวันที่ 1 มีนาคม 2562 โดยมีปัจจัยชี้นำจากข้อมูลเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกสหรัฐฯ และความคืบหน้า Brexit รวมถึงประเด็นงบประมาณสหรัฐฯ และความเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เกิดเหตุการณ์การปิดหน่วยงานรัฐบาลบางส่วนขึ้นอีกครั้ง เราประเมินว่าในภาวะที่ตลาดกลับมากังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจโลกอีกครั้ง มีแนวโน้มว่าสกุลเงินตลาดเกิดใหม่จะเผชิญกับแรงกดดันในระยะนี้
สำหรับปัจจัยในประเทศ ปัจจัยด้านการเมืองอาจกระทบ Sentiment ของตลาดและการเคลื่อนย้ายของกระแสเงินทุนก่อนการเข้าสู่การเลือกตั้ง โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยตามคาดและประเมินว่าภาวะการเงินยังอยู่ในระดับผ่อนคลายและเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และมีกรรมการ 2 รายเห็นควรให้ปรับขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 2.00% เพื่อลดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงิน และเพื่อสะสมขีดความสามารถในการดำเนินนโยบาย (Policy Space)
สำหรับระยะถัดไป โดยกนง.ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยเติบโตใกล้เคียงกับศักยภาพ แม้การส่งออกชะลอตัวแต่ภาคท่องเที่ยวฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาด การลงทุนเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวตามการย้ายฐานการผลิตมายังไทยและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ธปท.มองว่าเงินบาทแข็งค่าสอดคล้องกับกลุ่มตลาดเกิดใหม่ แต่พร้อมที่จะเข้าดูแลอัตราแลกเปลี่ยนกรณีตลาดปรับตัวผันผวนมากเกินไป จากท่าทีดังกล่าว เราคาดว่าสัญญาณจากกนง.ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับความต้องการลดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเรายังคงมุมมองที่ว่ากนง.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสู่ 2.00% ในครึ่งแรกของปีนี้