24 ธันวาคม 2561 : ก้าวมาถึงสัปดาห์สุดท้ายของปี 2561 แล้ว เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตลาดหุ้นไทยก็เช่นกัน กูรูหลายสำนักต่างมแงภาพการลงทุนในหุ้นไทยปี 2561 ไว้อย่างสวยหรูหลังจากช่วงต้นปี2561 ตลาดหุ้นไทยดีดแรงทยานแตะ1,800 จุด ทำให้การประเมินดัชนีหุ้นไทยปี2561ต่างพาเหรดฟันธง สิ้นปี 2561 ดัชนีเกิน 1,800จุดไกลสุดก็1,900 จุด

แต่ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน หักปากกาซียนกันเป็นแถวๆ หลังจากที่ดัชนีทยานไปแตะ 1,800 จุด วันดีคืนดี ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 ของสหรัฐฯอเมริกาก็ลุกขึ้นมาประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนเป็น 25% จาก 10% ประเด็นดังกล่าวฉุดหุ้นทั่วโลกร่วงระเนระนาดไปตามๆ กัน แม้แต่ตลาดหุ้นไทยก็ได้รับผลพวงนี้ไปด้วย สงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ถือเป็นปัจจัยลบที่น่ากลัวที่สุด นอกเหนือจากแนวโน้มขาขึ้นของดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) แม้ว่าวันที่ 28 พ.ย.2561 ที่ผ่านมา สหรัฐฯกับจีนได้มีการหารือกันในประเด็นดังกล่าว จนทางสหรัฐฯประกาศยืดเวลาการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนออกไปอีก 90 วัน

ดูเหมือนจะดี แต่แอบร้ายกันลึกๆ หลังจากที่ประกาศยืดเวลาการเก็บภาษีดังกล่าวออกไปก่อน หุ้นทั่วโลกร่วมถึงหุ้นไทยดีดแรงขานรับการประณีประนามกันในครั้งนี้ แต่ดีไม่ทันข้ามสัปดาห์ อยู่ๆ ก็มีข่าวรายงานมาว่า ลูกสาวประธานหัวเว่ย นาง เหมิง หวันโจว หัวหน้าเจ้าหน้าที่การเงิน (ซีเอฟโอ)และลูกสาวประธานบริษัท หัวเว่ย ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ของจีนเมื่อ 1 ธ.ค. 2561 ที่ผ่านมา โดยคำสั่งจับกุมเป็นไปตามคำของของสหรัฐฯ ฐานละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป งานนี้ทำให้หุ้นทั่วโลกที่กำลังไปต่อปรับตัวลงมารับข่าวร้ายดังกล่าวอีกครั้ง

งานนี้หลายคนไม่ต้องเดาสถานการณ์ไปไกลว่าต้นตอสำคัญในการจับกุมมนางเหมิง หวันโจว เกิดจากอะไร เพราะ “ทรัมป์” ได้มีการออกมากล่าวว่า ตนเองสามารถเข้าช่วยเหลือลูกสาวประธานหัวเหว่ยได้ ถ้าจีนทำตามเงื่อนไขของสหรัฐฯในเรื่องของการค้า เอาละเว้ยเฮ้ยยย… เริ่มสนุกกันไปทุกที เพราะเมื่อไม่กี่วันต่อมา นายไมเคิล โควริก อดีตทูตแคนาดาประจำประเทศจีน และนายไมเคิล สแปวอร์ นักธุรกิจ ก็ถูกจับกุมในประเทศจีน ด้วยข้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ

แม้ทางการจีนจะออกมายืนยันว่า การจับกุมชายทั้ง 2 คนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีของนางเหมิงก็ตาม แต่นักวิเคราะห์จำนวนมากเชื่อว่า เป็นการเอาคืนแคนาดาของรัฐบาลปักกิ่ง เนื่องจีนประกาศกร้าวเอาไว้ว่าจะเกิดผลที่ตามมาหากนางเหมิงไม่ได้รับการปล่อยตัว จนกระทั่ง นางเหมิงได้รับการประกันตัวออกจากคุก ภายใต้เงินไขและข้อจำกัดต่างๆ เพื่อรอการพิจารณาส่งตัวไปดำเนินคดีในสหรัฐฯ

นี่ยังไม่ถึง 90 วันในการยืดเวลาการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนเลย ยังเล่นกันแรงขนาดนี้ แล้วหากครบ 90 วันในต้นปี 2562 หากการหารือเรื่องภาษีของทั้งสองประเทศตกลงกันไม่ได้ ความเดือดร้อนจะบังเกิดอะไรอีกก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ตลาดหุ้นทั่วโลกในปี 2562 ยังผันผวนต่อเนื่อง สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเองก็ไม่ง่ายเช่นกัน

ส่วนสัปดาห์สุดท้ายของปี 2561 ตลาดหุ้นไทยเป็นอย่างไรนั้น บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด ระบุว่า ดัชนีหุ้นไทย(24-28ธ.ค.61) มีแนวรับที่ 1,580 และ 1,550 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,615 และ 1,630 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ การทำ Window dressing ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปีส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ และข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนพ.ย. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ รายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ของญี่ปุ่น

ส่วนสถานการณ์ค่าเงินบาทในช่วงสัปดาห์นี้ ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) KBANK ประเมินว่า กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.50-32.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยในประเทศ ได้แก่ รายงานเศรษฐกิจการเงินเดือนพ.ย. ของธปท. ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญในระหว่างสัปดาห์ ประกอบด้วย ดัชนีราคาบ้านเดือนต.ค. ยอดขายบ้านใหม่และยอดทำสัญญาณขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนพ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. ส่วนปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องติดตาม ได้แก่ การปรับโพสิชันของนักลงทุนก่อนใกล้สิ้นปี ประเด็นความคืบหน้าเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน

ไม่ว่าสถานการณ์การลงทุนจะเป็นอย่างไร นักลงทุนยังคงต้องมีสติให้มากขึ้น ระมัดระวังให้มากขึ้น นำบทเรียนที่ได้มาปรับปรุบแก้ไขเพื่อเริ่มต้นใหม่ในปี 2562 สวัสดีดีปีใหม่ สุขสดใส กันถ้วนหน้า