คปภ. ร่วมกับ รฟท.เร่งแนวคิดประกันภัยระบบราง เพื่อสร้างความมั่นใจ ปลอดภัย ให้ประชาชนทุกกลุ่มได้เข้าถึงระบบประกันภัยอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง เพื่อลดอุบัติเหตุ แต่หากเกิดแล้วประกันภัยช่วยเยียวยาทันท่วงที
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่าสำนักงานคปภ.ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมความรู้ และสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัยกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยมี นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ร่วมลงนาม
โดยมีกรอบดำเนินการร่วมกันคือ การเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันภัยให้กับประชาชนผู้ใช้บริการรถไฟ และเจ้าหน้าที่ของการรถไฟได้ทราบถึงความคุ้มครองจากระบบการประกันภัย รวมถึงในอนาคตคาดว่าจะพัฒนารูปแบบกรมธรรม์ประกันภัย ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้เอาประกันภัยเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงในการใช้เส้นทางสัญจรระบบรางของการรถไฟ
อย่างไรก็ดี การลงนาม MOU ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่จะมีความร่วมมืออย่างบูรณาการและเป็นระบบระหว่าง สำนักงาน คปภ. กับการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญที่นอกจากจะช่วยกันรณรงค์ให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวังและไม่ประมาทแล้ว ในกรณีที่มีอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ระบบประกันภัยจะเข้าไปช่วยลดความเสี่ยงภัยให้กับองค์กรของรัฐที่ให้บริการขนส่งมวลชนอย่างเป็นระบบและครบวงจร
“มีประชาชนใช้บริการขนส่งระบบรางกันเป็นจำนวนมาก ทั้งในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว และช่วงเวลาปกติ ดังนั้นหากมีการให้ความรู้ด้านประกันภัยกับพนักงาน รฟท. และประชาชนผู้ใช้บริการก็จะทำให้ระบบประกันภัยเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการบริหารความเสี่ยงภัย ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างความตื่นตัวด้านประกันให้กับพนักงาน รฟท.และประชาชนผู้ใช้บริการรถไฟแล้ว ยังทำให้เกิดความมั่นใจในการใช้เส้นทางสัญจรอีกด้วย” เลขาธิการ คปภ.กล่าว
ทางด้าน นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การรถไฟฯ ทำประกันภัยกับบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมีวงเงินเบี้ยประกัน จำนวน 48.9 ล้านบาท กำหนดระยะเวลาคุ้มครอง 1 ปี เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการรถไฟวว่าจะได้รับความคุ้มครองหากเกิดอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางตามมาตรฐานทั่วไป
“ตอนนี้มีบริษัทประกันภัยรับประกันเพียงแห่งเดียว เนื่องจากลำดับขั้นตอนที่ต้องประมูลเป็นไปตามกฎระเบียบ แต่คาดว่าในอนาคตความคุ้มครองเช่นเดียวกับการโดยสารเครื่องบินก็มีแนวคิดที่จะทำ แต่ต้องดูว่าอัตราเบี้ยประกันสูงเกินไปหรือไม่ อีกทั้งยังมีแนวคิดว่าจะตั้งเป็นกองทุน ในการบริหารความเสี่ยง แต่ต้องหารือกับหลายฝ่ายอีกครั้งหนึ่ง” นายวุฒิชาติกล่าวทิ้งท้าย