17 ธันวาคม 2561 : นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ยอดปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อของธนาคารปีนี้ ยังคงเติบโตตามเป้าหมายที่ 378,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 17% ขณะที่รายได้จากธุรกิจนี้เติบโตใกล้เคียงกับสินเชื่อดังกล่าวเช่นเดียวกัน
โดยสัดส่วนยอดสินเชื่อคงค้างแบ่งเป็นสินเชื่อรถยนต์ใหม่ 43% และผลิตภัณฑ์อื่นๆ 57% ฐานลูกค้าปัจจุบัน 1.5 ล้านราย โดยเป้าหมายยอดสินเชื่อใหม่ผ่านช่องทางออนไลน์ ปี 2561 คาดว่าไม่ต่ำกว่า 1,800 ล้านบาท เมื่อเทียบปี 2560 มี 1,300 ล้านบาท
ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธุรกิจเช่าซื้อในปีนี้อยู่ในระดับต่ำ และยังคงรักษาระดับไว้ ขณะที่สินเชื่อปล่อยใหม่ในงานมอร์เตอร์เอ็กโปร์ที่ผ่านมาอยู่ที่ 1,125 ล้านบาท เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนแผนธุรกิจช่วงปี 2562 ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาคาดว่าจะแถลงรายละเอียดได้ในช่วงเดือนก.พ.2562 นี้
“การแข่งขันธุรกิจเช่าซื้อในช่วงปีหน้า ยังมีการแข่งขันค่อนข้างสูง โดยเฉพาะการแข่งขันในเรื่องของดิจิทัลแลนด์ดิ้ง เพื่อให้เข้าถึงฐานลูกค้าให้ได้มากที่สุด ธนาคารจึงพัฒนาดิจิทัลให้หลากหลายและครอบคลุมมากที่สุด ส่วนกรณีการเพิ่มขึ้นของหนี้เสียสินเชื่อเช่าซื้อในระบบนั้น ธนาคารไม่กังวล เนื่องจาก ธนารได้นำนวัตกรรมดิจิทัลมาช่วยคัดกรอกลูกค้า
ส่งผลให้หนี้เสียธุรกิจดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำมาก และปีนี้ยังคงรักษาไม่ให้เกิน 2% ดังนั้น หากในอนาคตทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)มีมาตรการคุมเข้มออกมา ธนาคารก็ไม่กังวลเพราะไม่กระทบต่อตัวธุรกิจแน่นอน” นายไพโรจน์ กล่าว
ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2561 นี้ ธนาคารคาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวเติบโตได้ที่ประมาณ 4.3% โดยมีปัจจัยบวกที่เป็นตัวขับเคลื่อนจากภาคการส่งออก และคาดว่ามีมูลค่าการส่งออกเติบโตไม่ต่ำกว่า 7.8% ขยายตัวต่ำกว่าที่คาดเมื่อต้นปี ซึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน ส่วนภาคการท่องเที่ยวเติบโตได้ที่ 8% ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนลดลง แต่ในขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆยังเดินทางมายังประเทศไทยในอัตราที่เติบโตเพิ่มขึ้น
ทางด้านของภาคการลงทุนของภาคเอกชน มีอัตราการขยายตัวได้ที่ 4.1% เติบโตกว่าที่คาดการณ์ไว้ ในส่วนของการบริโภคภาคเอกชน มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 4.8%
“จีดีพีของประเทศในช่วงครึ่งปีแรกมีอัตราการขยายตัวต่ำกว่าที่คาด เนื่องจากความผันผวนทางเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งมีผลกระทบในตลาดส่งออกทั่วโลก ในส่วนการลงทุนนั้นจะเริ่มเห็นได้ว่ามีการลงทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ทางด้านของปัญหาหนี้ครัวเรือน มีแนวโน้มปรับตัวได้ในทิศทางในที่ดี อย่างไรก็ตามแม้เศรษฐกิจในประเทศจะเติบโตไม่ได้ตามที่คาดการณ์ไว้แต่ยังมีอัตราการเติบโตที่มากกว่า 4%”นายไพโรจน์ กล่าว
ด้านภาพรวมตลาดรถยนต์ปีนี้ยังมีอัตราการขยายได้ในทิศทางที่ดี ซึ่งคาดว่าจะมียอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ อยู่ที่ 1,020,000 คัน เติบโต 17% เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนโมเดลรถยนต์แต่ละรุ่นใหม่ขึ้น อีกทั้งรถยนต์คันแรกมีอายุครบ 6 ปี เริ่มเก่าจึงคาดว่าจะมีการซื้อรถคันใหม่ รวมถึงช่วงเลือกตั้งรถปิคอัพจะขายได้มากขึ้น และรถอีโค่คาร์เฟส 2 อาจจะเริ่มออกมาทำตลาดช่วงกลางปี 2562
รถมอเตอร์ไซต์และบิ๊กไบค์ จำนวน 1,780,000 คัน ลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาพืชผลไม่ขยับขึ้น นับว่าเป็นการขยายตัวที่ยืนอยู่ระดับนี้มา 3-4 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นในปีที่ผ่านมามีตลาดรถบิ๊กไบค์เข้ามาช่วยกระตุ้นตลาด
และรถยนต์มือสอง จำนวน 1,470,000 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 5% ทางด้านภารพวมสินเชื่อยานยนต์ คาดว่าในปีนี้จะมีมูลค่ารวมกว่า 624,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 12% แนวโน้มยอดขายรถยนต์ใหม่ปี 2562 น่าจะทรงตัว หรือเติบโตประมาณ 4 – 5%
พร้อมกันนี้ “กรุงศรี ออโต้” เผย 5 อินไซต์ของคนซื้อรถที่จะเป็นหัวใจในการมัดใจลูกค้า และเป็นเทรนด์การตลาดสินเชื่อยานยนต์ที่น่าจับตา
1. ฉันมีภาพลักษณ์
ด้วยราคาหลักแสนไปจนถึงหลักล้าน หลายคนจึงมองว่าการตัดสินใจซื้อรถยนต์สักหนึ่งคัน ผู้บริโภคต้องใช้เหตุผลเป็นหลัก และอาจลืมไปว่ารถส่วนตัวไม่ได้เป็นแค่ยานพาหนะที่ช่วยให้เดินทางสะดวกสบายขึ้นเท่านั้น แต่ดีไซน์และรูปแบบของรถยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ และสะท้อนตัวตนของผู้ขับขี่ได้ด้วย เช่นดียวกัน ผู้ใช้บริการสินเชื่อยานยนต์ก็ไม่ได้มองหาแค่แผนการผ่อนชำระที่ตอบโจทย์เท่านั้น แต่ยังมองหาบริการที่ช่วยลดความกังวล และเสริมความมั่นใจว่า สามารถครอบครองรถในฝันที่เข้ากับภาพลักษณ์ของตนเองได้
2. ฉันเลือกเอง
ยุคการตลาด 5.0 ถือเป็นยุคที่ผู้บริโภคมีอำนาจในการตัดสินใจมากขึ้นอย่างชัดเจน เพราะพวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลมากมายได้ทุกที่ทุกเวลา และหลายครั้งก็ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าก่อนจะได้เห็นของจริงด้วยซ้ำ จากการสำรวจของ Bain & Company พบว่า ผู้บริโภคกว่า 60% หาข้อมูลเกี่ยวกับรถบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และตัดสินใจเลือกแบรนด์ รุ่น ราคาก่อนแวะไปโชว์รูม และแน่นอนว่า พวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะเลือกผลิตภัณฑ์สินเชื่อยานยนต์ก่อนด้วยเช่นกัน ดังนั้น บริการด้านสินเชื่อยานยนต์จึงต้องเข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์ดิจิทัลของลูกค้า รวมถึงให้คำแนะนำที่เหมาะสมและให้ลูกค้าได้เลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุดด้วยตนเอง
3. ฉันจะไม่ทน
ในยุคที่สมาธิของผู้บริโภคลดเหลือเพียง 8.25 วินาที ระยะเวลาในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าต่างๆ จึงยิ่งหดสั้นลงตามไปด้วย ด้วยเหตุนี้ การเน้นให้ข้อมูลดอกเบี้ยและแผนการผ่อนชำระหลังลูกค้าตัดสินใจซื้อรถแล้วจึงอาจไม่เพียงพอ และเสี่ยงต่อการที่ลูกค้าจะเปลี่ยนใจไปเลือกแบรนด์อื่นได้ หากจะมัดใจลูกค้าในยุคการตลาด 5.0 ผู้ให้บริการสินเชื่อยานยนต์ต้องสร้างความผูกพันกับผู้บริโภคตั้งแต่ก่อนเริ่มกระบวนการซื้อรถ รวมถึงสร้างการจดจำ เพื่อให้พวกเขานึกถึงแบรนด์ทุกครั้งที่กำลังมองหารถคันใหม่
4. ฉันมีหลายร่าง
ด้วยโอกาสทางธุรกิจที่เปิดกว้างและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ผู้บริโภคในยุคการตลาด 5.0 จึงมีโจทย์ในชีวิตได้มากกว่าหนึ่ง นั่นหมายความว่าเกณฑ์การแบ่งกลุ่มลูกค้าแบบเดิมอาจไม่สามารถเข้าถึงตัวตนแท้จริงของลูกค้าได้อีกต่อไป สาวออฟฟิศอาจไม่ได้ต้องการใช้สินเชื่อเพื่อคนมีรถเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในชีวิตประจำวันเสมอไป แต่อาจกำลังมองหาเงินทุนเพื่อขยายกิจการส่วนตัว ดังนั้น คำถามสำคัญที่ผู้ให้บริการสินเชื่อยานยนต์ต้องตอบให้ได้ก็คือ จะหาข้อมูลจากแหล่งใดเพื่อรู้จักลูกค้าให้ชัด และจะนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้อย่างไร เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบรับกับมิติการใช้ชีวิตที่หลากหลายขึ้นได้
5. ไม่ว่าทางไหน ฉันต้องได้มา
แม้ผู้บริโภคในยุคการตลาด 5.0 จะเสพข้อมูลข่าวสารผ่านโซเชียลมีเดียเป็นหลัก แต่ช่องทางออฟไลน์ยังมีความจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประสบการณ์การซื้อรถ ลูกค้าอาจเริ่มจากการหาข้อมูล อ่านรีวิว เปรียบเทียบราคา และหาข้อมูลสินเชื่อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ แต่พวกเขาก็ยังคงต้องเดินเข้าโชว์รูมเพื่อทดลองขับ และพูดคุยกับที่ปรึกษาทางการเงินก่อนยื่นเอกสาร ผู้ให้บริการสินเชื่อยานยนต์จึงต้องมีบริการครอบคลุมทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ รวมทั้งเชื่อมข้อมูลระหว่างกัน เพื่อให้สามารถมอบประสบการณ์ไร้รอยต่อให้กับลูกค้าได้อย่างแท้จริง
“ในปี 2561 ที่ผ่านมา เราได้นำเสนอบริการใหม่ๆ ออกสู่ตลาดมากมาย โดยล่าสุด นวัตกรรมสินเชื่อยานยนต์ดิจิทัล ‘กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท’ ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีเกินคาด ด้วยยอดผู้เข้าชมถึง 304,000 คน และยอดประเมินวงเงินสินเชื่อรวม 483.39 ล้านบาท ภายใน 1 เดือนที่เปิดให้บริการเท่านั้น”