21 พฤศจิกายน 2561 : นายสิทธิไชย มหาคุณ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า การระดมทุนผ่านการออกตราสารหนี้ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น และมีแนวโน้มว่ายังมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยในปี 2561 คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดการระดมทุนผ่านการออกตราสารหนี้ของภาคเอกชนไม่ต่ำกว่า 8 แสนล้านบาท และคาดว่าภาคเอกชนส่วนใหญ่ยังคงระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ในปีหน้าอย่างต่อเนื่อง
โดยสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) และ บลูมเบิร์ก (Bloomberg) ได้จัดอันดับให้กรุงศรีเป็นอันดับ 2 ในฐานะผู้รับประกันการจัดจำหน่ายตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาวในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 และคาดว่าจะติดอันดับ 1 ใน 5 ในปี 2561/2562 ขณะที่สินเชื่อโครงการ (Project Finance) คาดว่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ และกลุ่มลูกค้าของกรุงศรีและ MUFG ที่สนใจลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน กรุงศรีจึงได้ขยายงานด้านวาณิชธนกิจด้วยการเพิ่มบุคลากรและเสริมความแข็งแกร่งให้ครอบคลุม ทุกด้าน
นายสิทธิไชย กล่าวเพิ่มเติมว่า “กรุงศรีมีความพร้อมในการให้บริการ ทั้งในด้านสินเชื่อโครงการ (Project Finance) การจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายตราสารหนี้ (Debt Capital Market หรือ DCM) การให้บริการที่ปรึกษาทางการเงินและการรับประกันการจัดจำหน่ายในการระดมทุนจากการเสนอขายตราสารทุน (Equity Capital Market หรือ ECM) และการควบรวมและการซื้อกิจการ (Merger and Acquisition หรือ M&A)
โดยกรุงศรีสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าด้วยเครือข่ายของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ผสานความร่วมมือกับบริษัทในเครือ คือ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) บริษัทหลักทรัพย์ จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (KSAM) รวมทั้งเครือข่ายของ MUFG ซึ่งได้รับการจัดอันดับเป็นผู้จัดสรรเงินกู้ (Mandated Lead Arranger) รายใหญ่อันดับ 1 ของโลก”
“ในช่วงปีที่ผ่านมา กรุงศรี กรุ๊ป และ MUFG ประสบความสำเร็จในการจัดหาวงเงินสินเชื่อโครงการให้กับลูกค้าในธุรกิจพลังงาน และอากาศยาน ได้รับความไว้วางใจในการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ของบริษัทในหลากหลายกลุ่มธุรกิจที่สำคัญในประเทศไทย อันได้แก่ บริษัทที่เป็นผู้นำในธุรกิจพลังงาน และสาธารณูปโภค ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งเป็นผู้ให้คำปรึกษาในการควบรวมกิจการและเป็นที่ปรึกษาในการเสนอขายทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ให้กับประชาชนทั่วไป
ในด้านสินเชื่อ Project Finance กรุงศรีได้รับความร่วมมือจาก MUFG ในการทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ รวมถึงธุรกิจการบิน และคาดว่าความต้องการด้านบริการจัดโครงสร้างทางการเงินและสินเชื่อโครงการ (Project Finance and Structured Finance) มีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยขับเคลื่อนจากความคืบหน้าของโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) โดยจะเน้นขนาดของดีลมูลค่าอย่างน้อย 5,000 ล้านบาท
ส่วนด้านการออกจำหน่ายตราสารหนี้ กรุงศรีมุ่งเน้นบริการแบบครบวงจรที่มีมูลค่าดีลอย่างน้อย 2,000 ล้านบาท รวมทั้งมุ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในเรื่องการควบรวมกิจการซึ่งครอบคลุมทั้งดีลภายในประเทศและระหว่างประเทศ (Cross-border M&A) ผ่านการเชื่อมโยงของเครือข่าย MUFG
ขณะที่ในด้านบริการการระดมทุนจากตราสารทุน กรุงศรีมุ่งเน้นการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการเสนอขายหุ้นให้ประชาชนครั้งแรก (IPO) และการเป็นที่ปรึกษาการเสนอขายกอง REIT โดยผ่านเครือข่ายกรุงศรีผสานความร่วมมือกับ KSS และแพลตฟอร์มระดับโลกของ MUFG เพื่อส่งมอบบริการที่สร้างความแตกต่าง ช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับลูกค้า เพื่อนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจไทย” นายสิทธิไชยกล่าวเพิ่มเติม